เจาะลึก !!! พาไปรู้จักกับ Smart TV , Internet TV มันคืออะไร ? ทำอะไรได้บ้าง ? มาดูกัน
            
            Smart TV / Internet TV โดยทั่วไปคือทีวีที่ 
"ฉลาด"
 มากขึ้นนั่นเอง ด้วยความสามารถของตัวเครื่อง ( Spec ) ที่สูงมากขึ้น 
สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่น ( โปรแกรม ) 
ได้หลากหลาย  สามารถเชื่อมต่อเข้าใช้งานในโลกออนไลน์ Internet อย่างการใช้ 
Web Browser , Social Network และอื่นๆ ตามฟังก์ชั่นของ Smart TV / 
Internet TV แต่ละรุ่น
            
            ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีของ TV 
นั้นพัฒนาไปไกลมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ LCD TV , LED TV , PLASMA 
TV เชื่อว่าหลายๆท่านคงได้พบเห็นตามร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้ากันเยอะแล้ว 
และในปัจจุบันนี้ทีวีจะไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือที่เอาไว้รับชมรายการ
โทรทัศน์หรือดูหนังเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป 
แต่ยังก้าวเข้าสู่โลกของการเชื่อมต่ออย่าง 
" Internet " 
 
การใช้แอพพลิเคชั่นที่หลากหลายช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ความ
สามารถในการเล่นเกมส์ การจองตั๋วภาพยนต์ และอื่นๆอีกมากมาย 
ทุกอย่างรวบรวมไว้แค่ปลายนิ้วสัมผัส
            
            
            Smart TV คืออะไร ??
            
            ก่อนจะพูดถึงคำว่า 
" Smart TV " ผม
ขอยกตัวอย่างไปถึงคำว่า Smart ที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด 
เพื่อให้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้น นั่นก็คือ " Smart Phone " 
ที่ทุกท่านรู้จักกันดีนั่นเอง เริ่มจากเมื่อก่อนนี้ 
โทรศัพท์มือถือก็มีความสามารใช้รับสายโทรเข้าเพียงอย่างเดียว 
แต่ในปัจจุบันก็มีโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถเพิ่มมากขึ้น 
ทั้งกล้องถ่ายรูป เครื่องเล่นเพลงต่างๆ เชื่อมต่อกับ Internet ดูคลิปวีดีโอ
 ลงแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมอย่างหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น iOS ของ Apple หรือ 
Android จาก Google นั่นคือที่มาของคำว่า " Smart Phone "
            
 
            กลับมาถึงทางด้าน 
" Smart TV " ก็
เช่นเดียวกันครับ เมื่อก่อนทีวีที่ใช้กันตามบ้านก็มีการใช้งานเพียง ดูละคร 
ดูหนัง ดูข่าว เท่านั้น 
ยังไม่มีฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้หลากหลายต้องพึ่งแหล่งข้อมูลจากภายนอกเพียง
อย่างเดียวในการแสดงผลเช่น เครื่องเล่น DVD เครื่องเกมส์ Console 
ต่างๆ แต่ในปัจจุบันกล่าวได้ว่าเป็นทีวีที่ "ฉลาด" มากขึ้นนั่นเอง 
ความสามารถของตัวเครื่องสูงมากขึ้น สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นได้หลากหลาย  โดย
ส่วนใหญ่แล้วความสามารถทั้งหมดจะใช้งานได้ด้วยการท่องไปในโลกออนไลน์ 
แต่ก็ไม่ได้จำกัดแค่การเชื่อมต่อ Internet เพียงอย่างเดียว 
ยังรวมไปถึงการใช้งานอื่นๆเช่นการเล่นเกมส์ ( โดยไม่ต้องเชื่อมต่อ Internet
 ) การลงแอพพลิเคชั่นต่างๆ 
มาใช้งาน ซึ่งในแต่ละแบรนด์จะมีความสามารถในการใช้งานและชื่อเรียกแตกต่าง
กันออกไป ล่าสุดในปี 2012 บางยี่ห้อเช่น Samsung 
ยังเพิ่มความสามารถในการควบคุมทีวีให้เหนือชั้นคือการสั่งงานด้วย 
"เสียง" , "ท่าทาง" และระบบจดจำใบหน้า  ผมขอแยกไว้ตามนี้ครับ
            
            ** Android TV ** ขอ
เพิ่มเติมเกี่ยว Android TV กันบ้างครับ 
ผมคิดว่าหลายๆท่านน่าจะรู้จักระบบปฏิบัติการณ์นี้กันพอหอมปากหอมคอ 
ซึ่งปกติแล้วเจ้าระบบนี้จะโลดแล่นอยู่บน Smart Phone และ Tablet มากกว่า 
แต่ปัจจุบันมีทีวีที่จับเอา OS นี้มายัดลงไปก็คือ Provision รุ่น ED7 และ 
Polytron รุ่น H12A ซึ่งในอนาคตก็อาจจะมีเพิ่มเติมอีกก็เป็นได้ 
โดยความสามารถก็จะคล้ายกับในมือถือครับ คือการลงแอพพลิเคชั่นต่างๆมาใช้งาน 
แต่ด้วยข้อจำกัดบางประการเช่นบางแอพต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ในการลงทะเบียนเล่น
ก็ไม่สามารถทำได้ 
             
            
            
Smart TV , Internet TV นั้น 
ย่อมต้องการ Internet 
เข้ามาเชื่อมต่อเพื่อการใช้งานอัพเดทข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ 
การใช้งานเว็บบราวเซอร์ หรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาใช้งานในตัวเครื่อง 
ซึ่งทีวีแต่ละรุ่นก็มีการเชื่อมต่อไม่เหมือนกัน 
มาดูกันครับว่าสามารถเชื่อมต่อได้อย่างไรบ้าง
            
            ประเภทของการเชื่อมต่อ Internet ของ Smart TV , Internet TV แบ่งได้ 3 ประเภทก็คือ
            
            1. เชื่อมต่อผ่านสาย LAN  ( Wired - ใช้สาย )
            2. เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi Adapter USB  ( Wireless - ไร้สาย )
            3. เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi Built-in ในตัวเครื่อง ส่วนมากจะมีในเฉพาะรุ่นสูงๆเท่านั้น  ( Wireless - ไร้สาย )
            
            ซึ่งหลังจากเชื่อมต่อผ่าน WiFi 
ในวงเดียวกันแล้วบางรุ่นจะมีความสามารถในการแชร์ไฟล์จากอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆเช่นเพลง 
วีดีโอต่างๆ เพื่อมาแสดงผลทางหน้าจอทีวีได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Notebook ,
 กล้องถ่ายรูป Digital , โทรศัพท์ Smart Phone รุ่นต่างๆ หรือที่เราเรียกว่า DLNA
            
            

 
            Application on Smart TV : 
            
            สำหรับทีวีบางรุ่นนั้น
จะมีความสามารถในการติดตั้งใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆได้ เช่น Samsung / LG / 
Philips ในจุดนี้เองท่านที่เคยใช้งาน Smart Phone ทั้ง Android หรือ iOS 
จะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะว่าใช้หลักการเดียวกัน 
คือเมื่อเราต้องการใช้งานตัวไหนก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นจาก 
Server กลางของแต่ละค่ายได้ทันที 
และที่สำคัญคือไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ แอพพลิเคชั่นบางชนิดเมื่อ
ดาวน์โหลดมาแล้ว การใช้งานในครั้งต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อ Internet 
อีก เช่น เกมส์ต่างๆ แต่สำหรับรุ่นที่ไม่สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้
 ก็สามารถอัพเดทผ่านทางเฟิร์มแวร์ของตัวเครื่องได้เช่นกัน ( 
วิธีการอัพเฟิร์มแวร์ก็ง่ายมาก เพียงแค่เชื่อมต่อ Internet 
ไว้และไปที่เมนูอัพเดท ซอฟแวร์ ในการตั้งค่าทีวี ใช้เวลาไม่เกิน 5 
นาที ) ส่วนประเภทของแอพพลิเคชั่นต่างๆผมขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วนก็คือ
            
            1. Local Content : 
คือแอพพลิเคชั่นต่างๆที่เป็นของคนไทย ภาษาไทย ใช้งานได้อย่างสะดวกเช่น 
MTHAI , Major Cineplex , SF Cinema , Traffy , Nation Channel 
            
            2. Global Content : คือแอพพลิเคชั่นที่เป็นสากลใช้กันทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น Youtube , Facebook , Skype
            
            ท่องเว็บไซต์ต่างๆไปพร้อมกับ Web Browser : 
             

 
            อีกหนึงความสามารถของ Smart TV ,  Internet TV นั่นก็คือ 
การเข้าเว็บไซต์ต่างๆได้อย่างอิสระ 
เสมือนว่าเราเปิดจากคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว 
โดยจะไม่ต้องเสียเวลาเชื่อมต่อให้วุ่นวาย 
แต่ว่าข้อจำกัดอย่างการพิมพ์ภาษาไทย ต้องใช้อุปกรณ์ควบคุมอื่นเข้ามาเป็นตัว
ช่วย ซึ่งผมจะอธิบายในส่วนต่อไปครับ และการแสดงผลอย่าง Flash หรือ Java 
Script ก็ทำได้ค่อนข้างสมบูรณ์ ( ยกเว้นบางรุ่นเท่านั้น 
ซึ่งในอนาคตอาจจะมีเฟิร์มแวร์ออกมาช่วยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น )
            
            
            การควบคุม Smart TV , Internet TV ในรูปแบบต่างๆ
            
            มาต่อกันที่ส่วนของการควบคุมกันครับ หลายๆท่านอาจจะยังสงสัยว่า 
" เอ๊ะ ! ฟังก์ชั่นของทีวีนั้นมีเยอะมาก แต่ปุ่มในรีโมทมันเป็นแค่ตัวเลข และปุ่มทิศทางเท่านั้น เวลาพิมพ์จะสะดวกหรือเปล่า "  จริงๆ
แล้วการควมคุมให้ง่ายขึ้นก็เป็นเรื่องที่ทางแต่ละยี่ห้อต้องพยายามปรับตัว
เข้าหาผู้บริโภคอย่างเราๆกันให้มากที่สุด 
เพื่อให้มีความสะดวกสบายในการใช้งาน 
เพราะความยากง่ายในการควบคุมทีวีก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยตัดสินใจเลือกซื้อ 
Smart TV เช่นกัน
            
            
1. ควบคุมจากรีโมททีวี : โดยปกติแล้วทุกยี่ห้อจะคล้ายๆ
กันทั้งหมด อาจจะแตกต่างกันในด้านการวางตำแหน่งและดีไซน์ ที่ขาดไม่ได้ก็คือ
 ปุ่มควบคุมทิศทาง จะใช้ในการเลื่อนตำแหน่งไปยังส่วนที่ต้องการ และปุ่ม OK 
เพื่อใช้เลือก วิธีการพิมพ์ก็จะทำได้แค่ "ภาษาอังกฤษ" เท่านั้น 
โดยใช้ปุ่มตัวเลขเป็นแป้นคีย์บอร์ด ( เช่นเลข 2 บนรีโมทจะมี A B C  
ถ้าต้องการพิมพ์ C ให้กดเลข 2 จำนวน 3 ครั้ง )
            
            

            ตัวอย่างรุ่น Samsung ES8000
 
            2. ควบคุมจากอุปกรณ์เสริมเช่น เมาส์และคีย์บอร์ด : ใน
จุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับแบรนด์ต่างๆ 
ว่าจะสามารถพัฒนาตัวทีวีให้รองรับกับคีย์บอร์ดและเมาส์ได้หรือไม่ 
โดยวิธีการเชื่อมต่อจะทำผ่านช่อง USB 2.0 เท่านั้น 
ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายในการพิมพ์ตัวอักษร ( วิธีการเปลี่ยนภาษาคือ (ALT+
 <- alt="" br="" nbsp="">
            
            
ถัดมาก็คือตัว Magic Motion Remote จาก
ทาง LG ที่ใช้รีโมทเป็นตัวชี้ไปยังหน้าจอทีวี 
และใช้ปุ่มเพียงปุ่มเดียวควบคุมได้ทุกอย่าง ง่ายต่อการใช้งานอีกเหมือนกัน (
 คล้ายๆกับการใช้งานของ Nintendo Wii )
             
3. ควบคุมจาก Application บน Smart Phone :
 สำหรับวิธีนี้ต้องการ Smart Phone รุ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Android 
หรือว่า iOS ก็สามารถเข้าไปค้นหา แอพพลิเคชั่น รีโมท จากทาง Android Market
 หรือ App Store ได้ฟรี ข้อดีคือจะทำให้สามารถพิมพ์ " ภาษาไทย " ได้ 
และมีความคล่องตัวในการใช้งานมาก โดยการเชื่อมต่อนั้นจะต้องเชื่อมต่อผ่าน
วง LAN เดียวกันกับตัวทีวีด้วยครับ
             
4. การควบคุมด้วยเสียง / ท่าทาง / ระบบจดจำใบหน้า ( Samasung ES8000 , ES7500 , E8000 ) : ถือ
เป็นทีวีรุ่นแรกที่บุกเบิกคำสั่งนี้ครับ 
ทำให้การควบคุมทีวีสะดวกกว่าที่เป็นอยู่ 
รวมถึงนำเอาไปประยุกต์ใช้กับแอพพลิเคชั่นต่างๆได้อีกด้วย
 
            
->