สิ่งที่คู่ความควรจะต้องมีในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท | 
 
     1. ความสมัครใจ  ประสงค์ที่จะไกล่าเกลี่ยข้อพิพาทอย่างแท้จริง 
     2. ความพร้อม  เตรียมตัวและเตรียมข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 
     3.  ความรับผิดชอบ  รับผิดชอบในการเข้าร่วมไกล่เกลี่ยตามวันเวลาที่นัดหมายไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 
     4.  ความร่วมมือ  ตั้งใจที่จะให้ความร่วมมือเพื่อนำไปสู่จุดหมายอันเป็นที่ยอมรับกัน 
     5.  ความสุภาพ ระหว่างการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ใช้คำพูด กิริยา  อัธยาศัยอย่างสุภาพ | 
 
    ประโยชน์ที่ท่านได้รับจากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท | 
 
     1. สะดวก ไม่เป็นทางการหรือมีขั้นตอนมากเกินไป 
     2.  รวดเร็ว ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากสลับซับซ้อน  เพราะอาจใช้เวลามาศาลเพียงครั้งเดียว 
     3.  ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจ้างทนายความ 
     4. พึงพอใจ  คู่พิพาทตัดสินใจเองในผลการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 
     5.  รักษาสัมพันธภาพอันดีของนายจ้างและลูกจ้าง  เพราะผลการไกล่เกลี่ยไม่มีฝ่ายใดแพ้หรือชนะและไม่มีฝ่ายใดต้องเสียหน้า 
     6.  คู่ความไม่ต้องประสบกับการบังคับคดีที่ยุ่งยากในศาล 
     6.  ช่วยลดปริมาณคดีที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาล  ทำให้คดีที่ทำการไกล่เกลี่ยและคดีอื่นๆ  สามารถย่นระยะเวลาพิจารณาได้เร็วขึ้น 
     8.  ลดปริมาณคดีที่ขึ้นสู่ศาลฎีกา 
     9.  รัฐประหยัดงบประมาณที่จะต้องใช้ในการจัดให้มีการดำเนินการพิจารณาคดี 
     10.  ก่อให้เกิดความสงบสุขในสังคม | 
 
    ขั้นตอนเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ย | 
 
     เมื่อโจทก์ฟ้องคดีต่อศาล ในเบื้องต้นศาลแรงงานภาค 2   จะกำหนดให้นัดไกล่เกลี่ยเพื่อให้ผู้ประนีประนอมดำเนินการไกล่เกลี่ยประนี ประนอมก่อน  และหากคดีใดสามารถตกลงกันได้ก็จะนำสำนวนนั้นเสนอผู้พิพากษาเพื่อทำยอม หรือ  ถอนฟ้องไป แต่กรณีไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ  จะดำเนินการส่งสำนวนเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดีต่อไป | 
 
    ผลการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในศาล | 
 
     1. คู่ความตกลงกันได้โดยโจทก์ถอนฟ้อง 
     2.  คู่ความตกลงกันได้โดยทำสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วให้ศาลพิพากษาตามยอม 
     3.  คู่ความตกลงกันไม่ได้ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาคดีต่อไป | 
 
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น