UTP (Unshielded Twisted Pairs) หรือสายคู่บิดเกลียวไม่หุ้มฉนวน
STP (Shielded Twisted Pairs) หรือสายคู่บิดเกลียวหุ้มฉนวน
ดังนั้น UTP ไม่มีแบบที่มี Shield นะครับ
UTP CAT5e มี 2 แบบ ก็คือ แบบธรรมดา กับแบบที่มี shield  ซึ่งโดยทั่วไปแล้วระยะของสายที่ใช้เดินนับจาก SWITCH ไปยังเครื่อง USER  นั้น ระยะไม่เกิน 100 เมตร ข้อมูลลึกๆ สาย UTP มี Diameter อยู่ที่ 24 AWG  มี 2 ลักษณธคือสายที่เป็นแบบอ่อนและแบบแข็ง ซึ่งเรียกแตกต่างกันคือ คือ  SOLID กับ STAN ซึ่งการใช้งานนั้นสายอ่อนจะใช้ทำสาย PATCH CORD  และสายแข็งไว้เดินไปยังจัดต่างๆ ที่อยู่ในที่ปกปิดเช่นผนัง ฝ้า ฯลฯ 
UTP CAT6 มี 2 แบบ ก็คือ แบบธรรมดา  ซึ่งโดยทั่วไปแล้วระยะของสายที่ใช้เดินนับจาก SWITCH ไปยังเครื่อง USER  นั้น ระยะไม่เกิน 100 เมตร ข้อมูลลึกๆ สาย UTP มี Diameter อยู่ที่ 23 AWG  มี 2 ลักษณธคือสายที่เป็นแบบอ่อนและแบบแข็ง ซึ่งเรียกแตกต่างกันคือ คือ  SOLID กับ STAN ซึ่งการใช้งานนั้นสายอ่อนจะใช้ทำสาย PATCH CORD  และสายแข็งไว้เดินไปยังจัดต่างๆ ที่อยู่ในที่ปกปิดเช่นผนัง ฝ้า ฯลฯ
การจัดเก็บข้อมูลในการเข้าถึงแบบไฟล์กับการจัดเก็บข้อมูลในการเข้าถึงแบบบล็อก[/tex]
เทคโนโลยีที่มีการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลมีความเร็วสูงและมีความน่าเชื่อ ถือ  กำลังกลายเป็นของคู่กันสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ เรียกว่า Storage Area Network(SAN)  เป็นระบบการเชื่อมต่อของข้อมูลข่าวสารระหว่างกลุ่มของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ให้สามารถจัดเก็บและโอนย้ายข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพและมีความ ยืดหยุ่นสูง ในอดีตระบบ SAN โครงสร้างของระบบจะเป็นเครือข่าย Fiber Channel   เป็นส่วนใหญ่ทำให้ต้นทุนในการสร้างระบบค่อนข้างสูง  เมื่อไม่นานมานี้มีระบบมาตรฐานการจัดเก็บข้อมูลใหม่ออกมาเรียกว่า Internet  Small Computer System Interface(iSCSI)  เป็นระบบมาตรฐานการจัดเก็บข้อมูลได้จากระยะไกลและรับส่งข้อมูลข้ามเครือข่าย ด้วยความเร็วสูงบนโครงสร้างพื้นฐานของระบบ multi gigabit Ethernet  จึงทำให้ระบบ iSCSI กำลังเป็นที่น่าสนใจขององค์กรต่างๆ  ในการนำมาสร้างเป็นระบบ SAN  ด้วยเหตุที่ว่าต้นทุนในการสร้างระบบค่อนข้างต่ำกว่าระบบที่เป็นเครือข่าย  Fiber Channel  
ระบบ iSCSI ถูกพัฒนาโดยกลุ่มวิศวกรของ IETF (Internet Engineering  Task Force) และไมโครซอฟท์ให้บริการอยู่ในชั้น Transport Layer  โดยยินยอมให้ส่งคำสั่ง (SCSI Command) ไปบนแพกเก็ต TCP/IP  ในการโอนย้ายข้อมูลข้ามเครือข่ายเพื่อจัดเก็บยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล  โดยมีวิธีการจัดเก็บข้อมูลในการเข้าถึงแบบบล็อก Block Access I/O ระหว่าง  Server กับ Storage ประกอบด้วยสองเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ชุดคำสั่งของ SCSI  Command เพื่อในการจัดเก็บข้อมูล และ Internet Protocol(IP)  เพื่อในการส่งไปบนครือข่ายต่างๆ ในส่วนของโปโตคอล Stack ที่อยู่บน Server  จะเรียกว่า “initiators”  และในส่วนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเรียกว่า “target”  เทคโนโลยีที่มีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบบล็อกที่เป็นระบบมาตราฐานอยู่ใน ปัจจุบันเช่น  iFCP( Internet Fiber Channel Protocol ), FCIP(Fiber  Channel over Internet Protocol)  และ iSCSI 
ปัจจุบันวิธีการจัดเก็บข้อมูลจะอยู่ในลักษณะ Network Attached Storage  (NAS)  เป็นส่วนใหญ่ให้บริการโอนย้ายข้อมูลข้ามเครือข่ายด้วยวิธีการเข้าถึงแบบไฟล์  File Access I/O โดยการส่งข้อมูลไปบนแพกเก็ต TCP/IP  และเข้าถึงข้อมูลโดยใช้โปโตคอลในการ file-access/file-sharing   ตัวอย่างโปโตคอล CIFS(Common Interface File System)  เป็นโปโตคอลที่พัฒนามาจากโปโตคอล SMB(Server Message Block)  มีการทำงานคล้ายๆ กับโปโตคอล NFS( Network File System)  ในการแชร์ทรัพยากรต่างๆ ร่วมกัน  ปัจจุบันมีการรวมตัวของกลุ่มผู้พัฒนาซอฟท์แวร์รหัสเปิด(Open Source)  เรียกว่า Samba เป็นโปโตคอลสำหรับแชร์ทรัพยากรต่างๆ  ร่วมกันระหว่างระบบปฏิบัติการประเภทรหัสเปิดโดยการนำกลุ่มของโปรแกรมที่ทำ งานผ่านโปโตคอล SMB และ CIFS ร่วมกัน
[tex]1.2 การจัดเก็บข้อมูลในการเข้าถึงแบบไฟล์  [/tex]เป็นการจัดเก็บข้อมูลในลักษณะ Client-Server ทำงานอยู่เหนือระดับชั้น  Transport-layer ในการแชร์ทรัพยากรต่างๆร่วมกัน เริ่มแรกถูกพัฒนาโดย  บริษัท Sun Microsystems ขึ้นในปี คศ.1985 เรียกว่า NFS ทำให้เครื่องในระบบ  Unix, Linux, Windows, Mac os สามารถแลกเปลี่ยนทรัพยากรต่างๆร่วมกันได้  หลังจากนั้นบริษัทไมโครซอฟท์และอินเทลก็ได้พัฒนาโปโตคอลเพื่อให้สามารถแชร์ ทรัพยากรต่างๆร่วมกันไปบนเครือข่ายที่มีระบบปฏิบัติที่ต่างกันเรียกว่า SMB  ซึ่งมีหน้าที่การทำงานคล้ายๆ กับโปโตคอล NFS แต่ SMB  มีการทำงานที่ละเอียดและดีกว่าตรงที่มีระบบล็อกไฟล์และเรคอร์ดเพื่อป้องกัน การเข้ามาแก้ไขซ้ำซ้อน
CIFS เป็นโปโตคอลที่พัฒนามาจากโปโตคอล SMB  แต่มีความสามารถเพิ่มขึ้นคือการล็อกไฟล์แบบ Oplock  และสนับสนุนการทำงานแบบมัลติทาสกิ้ง  มีการตรวจสอบ-พิสูจน์ตนเองของยูสเซอร์สนับสนุนชื่อไฟล์แบบยาวๆ  ทำงานได้ทั้งแบบ Connection-oriented และ Connectionless และในช่วงปี  คศ.1991-1992 มิสเตอร์ แอนดรู ทริดเจล (Andrew Tridgell)  ได้เขียนและออกแบบโปรแกรม Samba เป็นกลุ่มของโปรแกรมที่ทำงานโดยผ่านโปโตคอล  SMB และ CIFS ช่วงแรกๆSamba  ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานบนระบบปฏิบัติการยูนิกส์เพียงอย่างเดียวแต่ต่อมาภาย หลังได้มีการพัฒนาให้สามารถทำงานได้บนระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันได้
ทางไมโครซอฟท์ก็ได้ออกแบบโปโตคอล SMB ให้สามารถรันได้บนโปโตคอล IPX,  NBT, NetBEUI แต่ Samba จะรันได้เฉพาะบนโปโตคอล TCP/IP เท่านั้น  จึงทำให้โปรแกรม Samba มีความเร็วและประสิทธิภาพการทำงานสูง  ซึ่งในปัจจุบันโปรแกรม Samba สามารถรันบนระบบปฏิบัติการประเภท Window  95/98/ME/2000, NT และ Window XP ทำให้ Linux และ Window  สามารถจะแชร์ทรัพยากรร่วมกันได้ 
[tex] 1.3 การจัดเก็บข้อมูลในการเข้าถึงแบบบล็อก  [/tex]เป็นการจัดเก็บข้อมูลในลักษณะระบบ SAN ในรูปแบบ Client-Server โดยที่  Client เป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการต่างๆ เรียกว่า “initiators”  และในส่วนของ Client ก็จะเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลต่างๆ เรียกว่า “target”  ทำงานอยู่ในชั้น Transport-layer โดยอาศัย IP(Internet Protocol)  ในการเคลื่อนย้ายบล็อกข้อมูลข้ามเครือข่ายไปยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล  ซึ่งปัจจุบันโครงสร้างของระบบระหว่างเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลจะ เป็นเครือข่าย Fiber Channel เป็นส่วนใหญ่
เทคโนโลยีที่มีเคลื่อนย้ายข้อมูลข้ามเครือข่ายเพื่อจัดเก็บข้อมูลยังอุปกรณ์ จัดเก็บของระบบ SAN เรียกว่า IP Storage Protocol ถูกกำหนดเป็นมาตาฐานโดย  IEFT (Internet Engineering Task Force)  เป็นเทคโนโลยีที่ยินยอมให้โอนย้ายบล็อกข้อมูลข้ามเครือข่ายด้วยสองแนวคิด หลัก ๆ ในข้อกำหนดคือ IP  เพื่อในการขนส่งบล็อกข้อมูลข้ามเครือข่ายไปจัดเก็บยังอุปกรณ์จัดเก็บ  โดยทำการ Encapsulate  บล็อกข้อมูลเป็นแพกเก็ตไปบนเครือข่ายเป็นไปตามมาตาฐานของ  TCP/IP(Transmission Control Protocol/Internet Protocol)  โปโตคอลที่นิยมใช้อยู่ในปัจจุบันเช่น FCIP(Fiber Channel over Internet  Protocol), iFCP( Internet Fiber Channel Protocol ) และ iSCSI (Internet  Small Computer System Interface)
ปัจจุบันได้มีการนำเอาเทคโนโลยี  iSCSI  มาใช้เพิ่มมากขึ้นและกำลังจะเป็นที่สนใจขององค์กรต่าง ๆ  เพื่อจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ SAN ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้ (i) มีการระบุ  และผู้ใช้ต้องการประโยชน์อย่างเต็มที่เก็บ ความน่าเชื่อถือ  และการบริหารจัดการ และ iSCSI เป็นอีกโปโตคอลหนึ่งที่น่าสนใจในการนำมาใช้
ค่าที่ได้จากการเทสสาย UTP จากเครื่อง DSP 4300 FLUKEHead Room  :เป็นค่าสัญญาณรบกวน NEXT ระหว่างคู่สายสัญญาณที่ตำที่สุดของสายทั้ง 4 คู่  ค่า Head Room มีค่ามากๆแสดงให้เห็นว่าสายสัญญาณมีประสิทธิภาพที่ดี
Wire Map:แสดง การเข้าหัว RJ 45 กับสายสัญญาณแต่ละขา  หากเข้าหัวถูกต้องหรือตรงกันทั้งหัวและท้ายจะแสดงผลเป็น  "PASS"ในทางตรงกันข้ามหากการเข้าหัวผิดหรือเกิดการไขว้กันของสายสัญญาณจะ แสดงเป็น "FAIL"
Impedance  :เป็นค่าความต้านทานของขดลวดของสายสัญญาณแต่ละคู่  มีหน่วยเป็นโอห์ม(Ohms)เนื่องจากสายสัญญาณมีการตีเกลียวของและคู่สาย  ทำให้เกิดค่าความต้านทานจากการขดและพันกัน **ต้องอยู่ในช่วง 85-115 Ohms**
Length  :คือความยาวของสายสัญญาณที่ใช้แต่ละจุด เริ่มตั้งแต่สาย Patch Panel ในตู้  Rack จนถึงสายที่ต่อเข้ากับ Work Station  **สามรถเดินสายได้ไกลที่สุดที่ระยะ 10 เมตร  ซึ่งเป็นระยะที่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้
Prop.Delay   :เป็นค่าของเวลาที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลจากต้นทางมายังปลายทาง(Propagation  Delay)ที่สายแต่ละคู่ใช้มีหน่วยเป็น nanosecond โดยไม่ควรมีค่าเกิน 555 ns
Delay Skew  :เป็นค่าความแตกต่างของเวลา  ที่ใช้ในการสื่อสารเทียบกับสายสัญญาณคู่ที่ใช้เวลาน้อยที่สุด  หรือเป็นค่าความล่าช้าในการได้นับสัญญาณที่ส่งมาของแต่ละคู่
Resistance :เป็นค่าความต้านทานของสายสัญญาณ มีหน่วยเป็นดอห์ม (Ohms)
Attenuation  :เป็นค่าลดทอนของสายสัญญาณที่เดินทางภายในสายสัญญาณไปยังปลายทาง  ในการทดสอบสัญญาณจะทำการวัดค่า attenuation ที่ทุกๆความถี่ตั้งแต่ 1-100  MHz และค่าจำกัดของ attenuation ที่แต่ละความถี่จะไม่เท่ากัน  ขึ้นกับความถี่ ซึ่งค่าไม่ควรเกิน limit ที่กำหนด
NEXT (Near End Crosstalk) :เป็นค่าสัญญาณรบกวนที่เกิดจากคู่สายสัญญาณแต่ละคู่กระทำกัน (สัญญาณรบกวนข้ามคู่สาย)
Return Loss  :เป็นค่าลดทอนของสายสัญญาณที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง ค่า Impedance  ภายในสาย จึงทำให้เกิดการลดทอน และเกิดสัญญารสะท้อนกลับ  โดยค่าที่วัดได้มากกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้
PSNEXT  :Power Sum Near End Crosstalk เป็นค่ารบกวนของสาสัญญาณ  ระหว่างคู่สายสัญญาณคู่อื่นๆ  ที่เกิดขึ้นในการทดสอบสายสัญญาณคู่นั้นๆเหมาะสำหรับระบบที่มีการใช้งานสาย สัญญาณพร้อมกัน 4 คู่สาย โดยมีค่าไม่ตำกว่ามาตรฐานที่กำหนด
ACR :เป็น ค่าที่เกิดจากความสำพันธ์ระหว่าง Attenuation และ NEXT  ซึ่งแสดงให้เห็นประสิทธิภาพของสายสัญญาณ  โดยดูจากผลของค่าลดทอนและการรบกวนจากสายนอกควบคู่กัน ซึ่งค่า ACR  ที่มากกว่ามาตรฐานจะทำให้รับส่งข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
PSACR  :เป็นค่าที่แสดงอัตราส่วน ACR  ที่ได้รับการรบกวนจากคู่สายอื่นที่ทำการวัดร่วมด้วย  โดยผลที่ได้จะไม่คำนึงถึงค่า PSNEXT ซึ่งควรมีค่ามากกว่ามาตรฐานที่กำหนด
ELFEXT  :Equa level far End Crosstalk ซึ่งเป็นผลของการรบกวนจากสายสัญญาณคู่อื่น  ที่ทำการทดสอบสายสัญญารคู่นั้นๆรวมไว้ด้วยกัน โดยทำการวัดการรบกวนชนิดนี้  ทางด้านปลายทาง ซึ่งต่างกับ NEXT ที่ทำการวัดการรบกวนทางด้านต้นทาง  ซึ่งค่ารบกวนมีค่ามากกว่ามาตรฐาน
PSELFEXT  :เป็นผลรวมของการทดสอบแบบ ELFEXT  โดยเป็นการรบกวนจากสายสัญญาณคู่อื่นรบกวนสายสัญญาณที่ทำการทดสอบ  ซึ่งควรมีค่ามากกว่ามาตรฐานที่กำหนด
***ค่าที่วัดได้นี้เป็นค่ามาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลก ที่ใช้เป็น Report ในการส่งมอบงานการติดตั้งระบบเครือข่ายสายสัญญาณ****
 
12/19/2553
ข้อแตกต่างของ UTP CAT5e และ CAT6
19:47
  
  No comments
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)






0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น