Air Live WL-5460AP v2
ขั้นตอนเบื้องต้น
1. ปิดโปรแกรมต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์ เลือกสถานที่สำหรับติดตั้ง WL-5460AP ให้ใกล้กับคอมพิวเตอร์ และ Router
2. ต่อพ่วงอุปกรณ์ตามภาพ โดยต่อสาย LAN จาก WL-5460AP เข้ากับเครื่อง PC และต่อสาย Power ด้านหลัง รอให้เครื่อง Start ประมาณ 20 วินาที
1. ปิดโปรแกรมต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์ เลือกสถานที่สำหรับติดตั้ง WL-5460AP ให้ใกล้กับคอมพิวเตอร์ และ Router
2. ต่อพ่วงอุปกรณ์ตามภาพ โดยต่อสาย LAN จาก WL-5460AP เข้ากับเครื่อง PC และต่อสาย Power ด้านหลัง รอให้เครื่อง Start ประมาณ 20 วินาที
 3. ไปที่ PC ที่ใช้ในการติดตั้ง เริ่มที่ Start > Control Panel 
 - ดับเบิ้ลคริ๊คที่ Network Connection
  - คริ๊คขวาที่ Local Area Connection เลือก Properties  จะมีหน้าต่างใหม่ปรากฏขึ้น ให้เลื่อนลูกเม้าส์ลงมาแล้วดับเบิ้ลคริ๊คที่  Internet Protocol (TCP/IP) 
 
 4. เมื่อการเปลี่ยน IP ของเครื่อง PC สำเร็จ ระบบจะแสดงให้เห็นดังภาพ
5.เมื่อ เปลี่ยน IP ของ PC ของเราเรียบร้อยแล้ว เปิดโปรแกรม Internet Explorer  ในช่อง Address ให้พิมพ์เลข 192.168.100.252 กด Enter ก็จะเข้าสู่หน้า Web  based Setup ได้ตามภาพท่านสามารถเลือกโหมดการใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ คริ๊คเลือกโหมดตามภาพด้านล่าง

WL-5460AP จะมี Wireless Mode อยู่ 8 โหมดหลักๆด้วยกัน ได้แก่

1.  AP Mode : ทำหน้าที่เป็นตัวกระจายสัญญาณ Wireless ด้วยการเชื่อมต่อกับสาย  LAN ที่มีสัญญาณ Internet จาก Router หรือ Switch เข้ากับ WL-5460AP  ก็สามารถใช้งาน Internet ไร้สายได้ทันทีเหมาะกับผู้ที่มี ADSL Modem  อยู่แล้ว และต้องการใช้งาน Wireless

2.  Bridge Mode :  ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหนึ่งๆเข้าด้วยกัน  เหมาะกับการเชื่อมต่อ Network ระหว่างอาคารหรือบ้านที่ไม่สามารถเดินสายได้

3.  WDS Repeater Mode : ทำหน้าที่ทวนสัญญาณ Wi-Fi  เพื่อเพิ่มความเข้มสัญญาณของ Router โดยไม่ต้องเดินสาย LAN เพิ่ม  เหมาะกับอาคารหรือบ้านที่ต้องการขยายพื้นที่ในการใช้งาน Wireless (Router  ต้องรองรับระบบ WDS ได้ด้วย)

4.  Client Mode : ทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณ Wi-Fi แล้วเชื่อมต่อเข้ากับสาย  LAN ไปที่ PC โหมดนี้มีหัวข้อย่อย 2 แบบ คือ Infrastructure และ Ad-hoc  เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งาน Wireless แต่ตัวรับสัญญาณ Wireless แบบ USB  รับสัญญาณได้ไม่ดีพอ โหมดนี้จึงทำงานเป็นตัวรับสัญญาณ Wireless นั่นเอง  แต่สามารถรับสัญญาณได้ดีกว่าตัวรับแบบ USB หรือ PCI

5.  Universal Repeater : ทำหน้าที่ทวนสัญญาณ Wi-Fi  เพื่อเพิ่มความเข้มสัญญาณของ Router โดยไม่ต้องเดินสาย LAN  โดยความพิเศษของโหมดนี้คือสามารถทวนสัญญาณของ Router  ได้เกือบทุกยี่ห้อที่เป็น b/g ส่วน Wireless N ก็สามารถทำ Repeat  ได้แต่สัญญาณปลายทางจะเป็น Wireless G  เหมาะกับอาคารหรือบ้านที่ต้องการขยายพื้นที่ในการใช้งาน Wireless  และไม่ต้องการเปลี่ยน Wireless Router ตัวเดิมที่มีอยู่ 
  6. WISP : เป็น Client(รับสัญญาณ) Router(แจก IP) คือ เมื่อรับสัญญาณ  Wi-Fi จาก AP ตัวอื่นมา แล้วกระจาย สัญญาณให้กับเครื่องลูกข่ายให้เป็นอีก  วงLANหนึ่ง ซึ่งจะได้ IP Address ต่างไปจาก AP ตัวแรก  โดยการรับส่งจะเป็นแบบแบบ Wireless สู่สาย LAN
  7. WISP + Universal Repeater : เป็น Client(รับสัญญาณ) +  Repeater(ทวนสัญญาณ) + Router(แจก IP) คือ เมื่อรับสัญญาณ Wi-Fi จาก AP  ตัวอื่นมา แล้วกระจายสัญญาณ Wi-Fi  นั้นให้กับเครื่องลูกข่ายให้เป็นอีกวงLANหนึ่ง ซึ่งจะได้ IP Address  ต่างไปจาก AP ตัวแรก โดยการรับส่งจะเป็นแบบ Wireless สู่ Wireless  (สามารถกระจายสัญญาณสู่สาย LAN ได้ในเวลาเดียวกัน)
  8.Gateway : เป็น AP Mode + Router คือ รับสัญญาณจากสาย LAN  นำมากระจายเป็น Wireless ที่ถูกแยกวง LAN ด้วย Router  เหมาะกับผู้ใช้งานที่มี Modem ที่ไม่มี Router Mode






0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น