12/28/2563

no-ip กับ Mikrotik

 

  • noip logo.png

วิธีการสมัคร no-ip เพื่อทำ ddns เข้าควบคุม Mikrotik จากภายนอก

เห็นมีหลายๆท่านถามมาครับ สำหรับ Mikrotik ที่เซตแบบ PPPoE ว่าจะทำอย่างไรถึงจะเข้ามาดูรายงาน หรือแก้ไข ควบคุม Mikrotik
จากที่อื่นได้ โดยไม่ต้องเปิดเครื่อง PC หรือ Notebook ออนไว้เพื่อเช็ค ip

วิธีการส่วนใหญ่จะใช้ ddns ซึ่งอาจเป็น dyndns หรือ no-ip หรืออื่นๆแล้วแต่สะดวก
dyndns เมื่อก่อนจะฟรีครับ แต่เดี๋ยวนี้เสียตังค์แล้ว ประมาณปีล่ะ 20 เหรียญหรือ 600 บาทไทย
สามารถ add host ได้ 30 host



ส่วน no-ip ตัวฟรี จะได้ 5 host ซึ่งก็เพียงพอแล้ว ที่สำคัญคือฟรี แต่ในปัจจุบัน ลดลงให้เหลือแค่ 3 แล้วครับ
อันที่ผมใช้ สมัครมา 2 ปีแล้ว ปิดแต่ชื่อล่ะกัน ip มันเปลี่ยนได้


วิธีการสมัคร จำเป็นต้องมี email ครับ การสมัครก็ไปที่ http://www.no-ip.com/
เลือกตรง Sign Up Now 


user ให้ใช้ความยาว 6-15 ตัวอักษร และตั้งแต่ a-z,0-9,เครื่องหมาย - (ขีดกลาง) และ _(ขีดล่าง) นอกเหนือจากนี้จะไม่ได้ครับ
ความยาวของ password ขั้นต่ำ 6 ตัวอักษร (ตั้งให้ยากและจำได้ง่ายจะดีมาก)


ใส่ email และ domain ที่ใช้
เลือกได้หลายแบบครับ จะเป็น .no-ip.info .org .biz หรือ zapto.org ddns.me ddns.net ก็ตามต้องการ
ลอง add ขึ้นมาใหม่ดูก็ได้ว่ามีอะไรบ้าง โดยจะมีไกด์แนะนำว่าควรใช้อะไร จึงจะไม่ซ้ำคนอื่น


ขั้นตอนสุดท้ายของการสมัคร กด Sign Up
แบบจ่ายตังค์ประมาณ 15 เหรียญหรือ 450 บาทต่อปีครับ



ระบบจะส่ง mail ไปที่ email เราครับ จึงต้องใช้ email ที่มีอยู่จริงในการสมัคร


มาแล้ว รอไม่เกิน 5 นาที สำหรับผมนะ


ครอบลิงค์เพื่อยืนยันครับ ผมลืมแคปภาพหน้าจอ ข้ามไป log in เลยล่ะกัน
ตรง email ผมใส่เป็น user เลย เพราะตอนสมัครผมไม่ได้ระบุให้ user เป็น email (จะให้ user เป็น email ก็ทำตอนสมัครครับ)



เข้าได้แล้ว


domain ที่ผมใช้ตอนสมัคร ผมเลือกใช้เป็น no-ip.org ครับ
โดยไปดูที่ Host/Redirects


ทดลอง copy dns ของเราใส่ใน winbox


เข้าได้ครับ


ต่อไปจะมาว่าด้วย script ที่ใช้ อ้างตามนี้ครับ


1.สร้างสคริปท์ชื่อ no-ip_ddns_update สั่งให้รันแค่ 
  • write
  • test
  • read
2.คัดลอกสคริปท์ตามข้างล่าง แก้ไข 4 จุด คือ 1.user 2.password 3.hostname และ 4.interface ที่ใช้



3.ตั้งเวลาให้สริปท์ที่ตั้งทำงานทุก 5 นาที ถ้าจะเปลี่ยนให้ทำงานไม่ต้องถี่มากเป็น 15 นาที/ครั้งก็แก้จาก 5m เป็น15mครับ
อันนี้ ชื่อสคริปท์ต้องเป็น no-ip_ddns_update นะครับ ไม่งั้นมันไม่ตรง สคริปท์จะไม่ทำงาน

/system scheduler add comment="Update No-IP DDNS" disabled=no interval=5m \
name=no-ip_ddns_update on-event=no-ip_ddns_updatepolicy=read,write,test

ลองกันเลย ไปที่ system>>>script กด+ สร้าง New Script
copy Script ที่เราแก้แล้ววางลงไป และตั้งชื่อเป็น no-ip_ddns_update ติ๊กถูกแค่ read write test ตามเค้าไป


ทดลอง Run Script ดู


ไปที่ Environment ดูว่าได้ previousIP มาหรือเปล่า



ตั้งเวลา Run Script ง่ายมาก ไปที่ Terminal copy วาง enter จบ


มาแล้ว ดูใน system schedule ครับ มันทำงานทุก 5 นาที ตรง Interval=00:05:00


ผมลองแก้ให้มันทำงานทุก 5 วินาทีดูเพื่อดูว่ามันทำงานได้หรือเปล่า สังเกตุว่า Count จะวิ่งตามกันเลย


แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ ทดลองถอดสายโมเดมให้เนตหลุดหรือ reboot Mikrotik แล้วทดสอบ log in ใหม่ดูครับ
เสร็จแล้วอย่าลืมไปแก้ 5 วินาทีให้เป็น 5 นาทีตามเดิม หรืออาจจะเปลี่ยนให้มันทำงานทุก 15 นาทีก็ได้ครับ
5 นาทีผมว่ามันจะถี่ไป

ถ้าจะเข้าดู userman ก็ no-ip ของเรา:81/userman
 
ปล.ถ้าทำไม่ได้ สำหรับลูกค้า WiFi4YOU  แจ้งรุ่นที่ซื้อ ประกันเป็นเดือนไหน (เพื่อป้องกันผู้ที่ไม่ได้ซื้อกับทางร้านแอบอ้างเข้ามาขอความช่วยเหลือครับ)
ผมจะ Teamviewer ให้ครับ เพียงกำหนดชื่อ dns มาให้ผมพอ เอา user+password ผมเนี่ยแหละให้ใช้
 
ปัญหาที่เจอ มึนงงอยู่ตั้งนาน
ตอนแรกผมใช้ RB750G ตัวที่เซตอยู่ก่อนกับ script dyndns แล้วลบ script กับ schedule ออก
ทำยังไงก็เข้าไปไม่ได้ ลองเข้าไปดูใน no-ip ปรากฏว่า ip ไม่อัพเดทตามเร้าเตอร์ (ซิ่งมันอาจเป็นเพราะ Policy ผมติ๊กไว้หมดก็ได้)
ดังนั้น จึงแนะนำว่า ค่าที่ใช้ควรเป็นค่าที่เซตใหม่หมดครับ หรืออย่าแตกต่างจาก wiki และอย่าพยายามเอาค่าเดิมมาใช้ เดี๋ยวปัญหาจะเยอะ

แถมทิบให้นิดนึง
ถ้าอยากเปลี่ยน user ที่ log in ทำได้หรือเปล่าหรือเปลี่ยนได้แค่ password
ไปที่ System>>>user ครับ
กด + สร้าง user ขึ้นมาใหม่ เลือกได้ว่าจะให้อ่านอย่างเดียว หรือสิทธิ์เต็ม แต่อย่างน้อยในระบบควรมีสิทธิ์แบบ Full อยู่ 1 user ครับ
สร้าง password ตอนนี้ก็ได้ หรือจะเปลี่ยนทีหลังก็ไปที่ System>>>password


เสร็จแล้วไปปิดสิทธิ์ของ admin ได้เลย โดยติ๊ก user ที่ต้องการแล้วกดเครื่องหมายกากบาทหรือคลิ๊กขวากด D หรือเลือก Disable ก็ได้


อีกทิบหากต้องการให้ทุกเครื่องที่อยู่ในวงแลน 192.168.1.x log in เข้า Mikrotik ได้โดยไม่ต้อง log in ก่อนก็ Allowed Address ให้มันครับ


สำหรับเรื่องของ dns จริงๆมันสามารถใช้ของที่อื่นได้อีกหลากหลาย
ลองไปดูใน wiki ของ mikrotik ดูครับ แต่ no-ip ผมว่าง่ายสุดๆแล้วนะ
ตัวอย่างของ dyndns ครับ ทำคล้ายๆกัน http://wiki.mikrotik.com/wiki/Dynamic_DNS_Update_Script_for_No-IP_DNS
 
ถ้าเป็นแบบ dhcp มาจากพวก Airnet หรือ Cable จะทำยังไง เดี๋ยวผมทำให้อีกบทความครับ เพราะมันต้องใช้การ forward port ด้วย

สำหรับวันนี้ก็พอเพียงเท่านี้ครับ 

การตั้งค่าดูกล้องวงจรปิดผ่านอินเทอร์เน็ต ง่ายๆ ฟรี! วิธีการตั้งค่าให้ดูกล้องวงจรปิดผ่านอินเทอร์เน็ต ง่ายๆ (สำหรับ NOIP)

 วิธีการตั้งค่าให้ดูกล้องวงจรปิดผ่านอินเทอร์เน็ต ง่ายๆ

โดยใช้ Hostname ของ NO-IP ใช้ฟรี!

    สวัสดีครับ สำหรับบทความนี้ นาย KARE จะมาแนะนำการตั้งค่าให้ดูกล้องผ่านอินเทอร์เน็ต โดยใช้โฮสเนม No-ip สามารถใช้ได้ฟรี ทำตามได้ตามขั้นตอน ดังนี้ครับ เตรียมความพร้อมกันก่อนเลยครับ ต้องต่อสาย LAN ระหว่างเครื่อง DVR เข้ากับ Modem Router ก่อน

1. ต้องมี Hostname ก่อน   สามารถสมัครได้ฟรีที่  www.noip.com Hostname มีหน้าที่ ตรวจจับการอัพเดทค่า IP address ของเรา  ซึ่ง IP address เรานั้นจะเปลลี่ยนค่าไปเรื่อยๆ   ดังนั้นจึงต้องมี Hostname มาคอยจับค่า IP address ให้ตรงกันกับที่อยู่ปัจจุบัน  ทำให้เราใช้เพียงโฮสเนมตัวเดียวในการเข้าดูกล้องผ่านอื่นเทอร์เน็ตที่ใดๆก็ได้ในโลก 1.1 เข้าไปที่ www.noip.com เพื่อทำการสมัครสมาชิก    แล้วคลิกที่   Sign Up Now

no-ip

รูป 1.1 แสดงการเข้าเว็บ www.no-ip.org
 
1.2 กรอกขอมูลของเราเพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้งาน no-ip    เสร็จแล้วคลิกที่ Sign Up ตามรูปครับ
no-ip2no-ip3

รูป 1.2 แสดงการลงทะเบียน

1.3 ระบบจะส่งอีเมล์ให้เรา เพื่อทำการยืนยันการลงทะเบียนครับ
no-ip4
รูป 1.3 แสดงการลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย
1.4 หลังจากยืนยันการสมัครที่อีเมล์เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เรา Sign in เข้าระบบครับ โดยใช้ ชื่อ และรหัสผ่านที่เราได้ตั้งไว้ตอนลงทะเบียนครับ ต่อไป ให้เข้าไที่ Manage Hosts ที่เมนูขวาสุดครับ  เพื่อไปดูข้อมูลโฮสเนมของเรา
no-ip5
รูป 1.4 แสดงการเข้าสู่ระบบ
 
  1.5 เมื่อเราเข้ามาที่เมนู Manage Hosts แล้วเราก็จะเจอข้อมูล   ชื่อโฮสเนม, ไอพีแอดเดรส  ของเรา ให้เราจำชื่อโฮสเนมของเราไว้น่ะครับ เพราะจะต้องใช้ชื่อโฮสเนมไปใช้ในการตั้งค่าที่เครื่อง DVR ในขั้นตอนต่อไปด้วยครับ ***เราสามารถแก้ไข  และเพิ่มโฮสได้ครับ ซึ่งสำหรับผู้ใช้งานฟรี จะได้ 3 hosts name ครับ***
no-ip6

รูป 1.5 แสดงกาจัดการโฮส

  2. หลังจากได้โฮสเนมเรียบร้อยแล้ว ให้เราเข้าไปตั้งค่าที่เครื่อง DVR สามารถเข้าไปตั้งที่เมนูที่เครื่องได้เลย หรือ จะเข้ามาตั้งค่าผ่านเว็บ เบราซ์เซอร์ ก็ได้เหมือนกันครับ  ผมขอแนะนำเป็นวิธีตั้งค่าผ่านทางเว็บเบราซ์เซอร์น่ะครับ โดยให้เข้าไปที่ Ip address ของเครื่อง DVR    ตัวอย่างเช่น  https://192.168.1.234:90 ในส่วนต่อท้ายหลัง ip address จะเป็น เว็บพอร์ต ที่เราตั้งไว้    พอเข้ามาแล้วจะเห็นตามรูปด้านล่างครับ แล้วให้เรา Login ครับ
webdvr1
รูป 2.1 แสดงหน้าเว็บแอปพลิเคชันของเครื่องDVR
    เมื่อเข้ามาในระบบ ให้เราเลือกไปที่แท็บ SETUP (ตั้งค่า)  แล้วก็ แท็บ NETWORK (เครือข่าย)   โดยค่าเริ่มแรก DDNS จะถูกปิดการใช้งานไว้ ดังนั้น ให้เราเปิดการใช้งาน DDNS ก่อนครับ  แล้ว ให้ใส่ Hostname (โฮสเนม) ที่เราสมัครไว้  ในช่อง DOMAIN NAME จากนั้นให้เลือก SERVICE เป็น No-ip  และใส่ USER NAME และ PASSWORD   ของเว็บ No-ip ครับ  

webdvr2

รูป 2.2 แสดงการตั้งค่าเครือข่าย

แล้วให้เราทดสอบการตั้งค่า ที่ปุ่ม DDNS TEST      จากนั้นระบบจะแจ้ง Test Succeeded!  ตามรูปครับ
webdvr2.1
รูป 2.3 แสดงการทดสอบ DDNS สำเร็จ
เมื่อผลทดสอบสำเร็จ  ให้เรา APPLY นำไปใช้ ได้เลยครับ และเราต้องรีสตาร์ทเครื่อง DVR ด้วยนะครับ โดยไปที่เมนู MANTENACE ครับ  แล้ว คลิกที่ EXECUTE  ตามรูปครับ รอให้เครื่องเปิดใหม่ตามปกติ เป็นอันเรียบร้อยครับ

webdvr3

รูป 2.4 แสดงการสั่งรีสตาร์ทเครื่อง DVR

3. การ Forword Port 3.1 ให้เข้าไปในเมนูการตั้งค่าของ Modem (ในที่นี้คือ 192.168.1.1) เข้าไปที่เมนู Advance Setup >>  NAT >> Virtual server 3.2 ให้เราตั้งพอร์ตที่ต้องการ Forword ตัวอย่างเช่น MEDIA PORT       :  เป็นค่า PORT ที่ใช้ รับ-ส่ง ข้อมูลระหว่าง DVR กับเครื่องที่เรียกเข้ามา WEB    PORT       :  เป็นค่า PORT สำหรับเรียกใช้งานผ่านทาง Internet Explorer MOBILE PORT     : เป็นค่า PORT สำหรับเรียกใช้งานผ่านมือถือ เช่น iPhone, Black Berry (เมนูตั้งค่าจะอยู่ในเมนู “มือถือ”) Rule Index คือ Rule ที่เท่าไร ของตารางด้านล่าง พูดง่ายๆ คือ บรรทัดที่เท่าไรของตารางนั่นเอง ซึ่งจำเป็นต้องตั้งทั้งสิ้น 3 Rule ตามจำนวน Port นั่นเอง

- Application คือ ชื่อที่เรากำหนดเอง ในที่นี้ นาย KARE ขอแนะนำให้เป็นชื่อที่ตั้งแล้วสื่อความหมายหน่อย เพราะเวลาคนอื่นเข้ามาดู จะได้เข้าใจว่าเป็น Port สำหรับอะไร ไม่เช่นนั้น คนที่เข้ามาดูทีหลังอาจจะลบทิ้งไปเลยก็ได้

- Protocol จะมีให้เลือก 3 ค่า คือ TCP, UDP และ ALL (หมายถึงทั้ง TCP และ UDP) ซึ่งจริงๆ แล้ว เลือกเพียงแค่ TCP ก็เพียงพอแล้ว แต่จากประสบการณ์พบว่า บางครั้งเมื่อเลือกแต่ TCP อาจจะ Forward Port ไม่ผ่าน ดังนั้น ให้เลือกทั้ง 2 แบบจะดีกว่า คือเลือกเป็น ALL ครับ

- Start Port Number ให้ใส่ Port ทั้ง 3 ทีละค่า ในทีละ Rule

- End Port Number ให้ใส่เหมือนกับ Start Port Number ทีละ Rule

- Local IP Address ให้ใส่ IP Address ของ DVR

รูป 3.1 แสดงการตั้งค่า forword port
 
 
เมื่อตั้งค่า Rule ทั้ง 3 Rule เรียบร้อยแล้ว นาย KARE แนะนำว่า เราควรจะตรวจสอบว่า Port ที่เราได้ตั้งไว้ที่ modem นั้น สำเร็จหรือไม่ ด้วยการเรียกทดสอบจาก URL ด้านล่างนี้ www.canyouseeme.org

 รูป 3.2 แสดงการตรวจสอบพอร์ต

 
ที่สำคัญ เมื่อเราทำการใส่พอร์ตที่เราต้องการตรวจสอบแล้วนั้น ให้เราทำการคลิกตรง Check นะครับ ห้ามกดปุ่ม Enter มิฉะนั้นจะตรวจสอบพอร์ตไม่ได้นะครับ ^^
 
เราลองมาตรวจสอบพอร์ตแต่ละพอร์ตกันนะครับ - ในกรณีที่ตรวจสอบผ่านก็จะแสดงผลดังนี้
รูป 3.3 แสดงกาตรวจสอบพอร์ตผ่าน
    -  ในกรณีที่ตรวจสอบไม่ผ่านก็จะแสดงผลดังนี้

  แต่ทั้งนี้ เมื่อเกิด Error ขึ้น ให้ลองดูว่าเราได้กำหนดค่า Port หรือ IP address ของ DVR ผิดหรือไม่ หรือ Modem บางตัว เช่น D-Link เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้ว จำเป็นต้องมีการกด “Save and Reboot” Modem จึงจะบันทึกการตั้งค่าของเรา ถ้าติดขัดปัญหาอย่างไร ลองหาข้อมูลใน Google ด้วยการพิมพ์ยี่ห้อและรุ่นของ Modem ว่ามีวิธีการตั้งค่า Forward Port อย่างไร หากไม่เจอจริงๆ ก็ติดต่อ นาย KARE มาได้เลยครับผม ยินดีครับ 

การใช้ Internet 3BB ADSL เป็น Server โดยใช้ DDNS ของ No-IP

 noip2 DDNS with RaspberryPi

No-IP คืออะไร

No IP ก็คือฟรีบริการที่เกี่ยวกับ Dynamic DNS ครับ ซึ่งคำว่า Dynamic DNS นั้นจะนำมาประยุกต์ใช้กับระบบ Internet ตามบ้านของเราได้ เนื่องจากหมายเลข IP Address ที่เราได้รับมาจากผู้ให้บริการ Internet นั้นเป็นแบบ Dynamic ก็คือ จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต่อการ connect เข้าไปใช้บริการอินเตอร์เน็ตแต่ละครั้ง ดังนั้นหากเรามีระบบอะไรก็ตามที่รันอยู่ที่บ้านเราผ่าน Internet เราก็จะต้องจำหมายเลข IP Address นี้แทน ซึ่งจะค่อนข้างลำบากครับ หาเลข IP ถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงมีบริการ Dynamic DNS มาช่วยจัดการปัญหาพวกนี้ คือแทนที่เราจะทำเลข IP Address เราก็จำเป็นชื่อ Domain แทน ซึ่ง Domain ที่เราได้จาก No-IP นี้ก็จะไปลิงค์กับหมายเลข IP Address ของระบบที่เราใช้งานอยู่ที่บ้านอัตโนมัติ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลง IP Address ระบบของ No-IP ก็จะทำการอัพเดท IP Address เพื่อลิงค์กับระบบโดเมนเนมให้อัตโนมัติครับ ซึ่งมีประโยชน์มากหากเรานำ concept นี้มาใช้กับ Raspberry Pi

 

ดังนั้น ลองเอามาประยุกต์ใช้กับ Raspberry Pi ดู อย่างเช่นว่าเรารันระบบ web server ไว้ที่บ้านและเราต้องการ Remote เข้าไปดูความเรียบร้อยผ่านเว็บ ก็สามารถใช้หลักการนี้ได้เช่นกันครับ

1. วิธีการติดตั้ง No-IP ให้กับ Raspberry Pi

    
            1.1 สมัคร Account no-ip
 
 เข้าไปสมัครได้ที่ http://www.noip.com/ สมัครฟรีครับ
เมือสมัครเสร็จแล้วจะได้ User/Password แล้วให้ทำการเพิ่ม Add A Host ตามรูปข้างล่างครับ เพื่อใช้เป็น ddns ในการติดตั้งต่อไป
 
add hosting with noip
 
1.2 ติดตั้งโปรแกรม noip
 
 หลังจากได้ DDNS (ชื่อเครื่อง) เสร็จแล้ว ตอนนี้ก็ถึงขั้นตอน การติดตั้งโปรแกรม noip ที่ บอร์ด Raspberry pi ของเรา เพื่อเป็นโปรแกรม คอยส่งค่า IP จริงของ ADSL เราที่ใช้งาน ไปบันทึกที่ DDNS (ชื่อเครื่อง) บนเวป noip
 
 อันดับแรก สร้าง folder เพื่อเก็บตัว No-ip ที่เราจะติดตั้งกันก่อนครับ โดยใช้คำสั่ง..
mkdir /home/pi/noip
 หลังจากนั้นเข้าไปใน folder ที่เราได้สร้างไว้
cd /home/pi/noip
 เสร็จแล้วใช้คำสั่งเพื่อดาวน์โหลด No-IP
wget http://www.no-ip.com/client/linux/noip-duc-linux.tar.gz
 เสร็จแล้วก็ extract ออกมาเลยครับ
tar -zxvf noip-duc-linux.tar.gz
จากนั้นลองใช้ คำสั่ง ls ดูครับ จะเห็นว่ามี no-ip version ออกมาตามภาพด้านล่าง (ขึ้นอยู่กับ version ที่เราดาวน์โหลดมา) หลังจากนั้นเข้าไปใน folder นั้นเพื่อเตรียม compile
 
install noip
 
ขั้นตอนต่อไปหลังจากเข้า folder (ในที่นี้คือ noip-2.1.9-1) ก็สั่ง compile เลยครับ โดยใช้คำสั่งต่อไปนี้
cd noip-2.1.9-1
sudo make
sudo make install
เสร็จแล้วจะมีหน้าต่างให้เราได้กรอก user กับ password พร้อมระบุ domain ที่เราจะใช้งาน ซึ่งก็ทำตามขั้นตอนได้เลยครับไม่ยาก
 
 
เสร็จแล้วครับ หลังจากนั้นให้รัน noip โดยใช้คำสั่ง
sudo /usr/local/bin/noip2
ทำการแก้ไขสิทธิ์การแก้ไขไฟล์ config ของ noip2 โดยใช้คำสั่ง
sudo chmod 7777 /usr/local/etc/no-ip2.conf
 ต่อไปจะทำการเขียน Script เพื่อใช้รันโปรแกรมเมื่อเวลา รันเครื่องใหม่อีกเครั้ง
sudo nano /etc/init.d/noip
 คัดลอกข้อความข้างล่าง เพื่อนำไปใช้ในการเขียน Script noip
 

#######################################################
#! /bin/sh
case "$1" in
start)
echo "Starting noip2"
/usr/local/bin/noip2
;;
stop)
echo -n "Shutting down noip2"
for i in `noip2 -S 2>&1 | grep Process | awk '{print $2}' | tr -d ','`
do
noip2 -K $i
done
;;
*)
echo "Usage: $0 {start|stop}"
exit 1
esac
exit 0
#######################################################
 
หลังจากที่เขียนไฟล์เสร็จแล้วให้ออกและบันทึก โดยใช้คำสั่ง ctrl-x to เพื่อออก และกด y เพื่อบันทึก
 
ทำการเปลี่ยนสิทธิ์ให้สามารถรันไฟล์ได้
sudo chmod 7777 /etc/init.d/noip
เสร็จแล้ว ลองทดสอบ Script ได้โดยใช้คำสั่ง
sudo /etc/init.d/noip stop
sudo /etc/init.d/noip start
 ตอนนี้ เราจะมาทำการเพิ่มให้รัน Script เมื่อตอน Start เครื่อง โดยเข้าไปเพิ่มคำสั่งลงในไฟล์ rc.local
sudo nano /etc/rc.local
 ในบรรทัดข้างบน "exit 0" ให้เพิ่มบรรทัดคำสั่งนี้เข้าไป
/etc/init.d/noip start
 
ทดสอบได้โดยการ restart เครื่องด้วยคำสั่งด้างล่าง และตรวจสอบว่ามี Service noip2 รันอยู่หรือไม่
sudo init 6
 สามารถดู Config ของ noip2 ได้จากคำสั่ง
sudo /usr/local/bin/noip2 -S
 
 
ตั้ง update ip ได้ทุกๆ 1 นาทีโดยใช้คำสั่ง
sudo /usr/local/bin/noip2 -U 1
 ดู help ได้จากคำสั่ง
sudo /usr/local/bin/noip2 -h
 
 
 
 
3bb true tot adsl
เริ่มต้นหลังจากติดตั้ง noip2 เสร็จแล้ว อย่างแรก ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า IP จริงที่เราจับคู่กับ DDNS ของ noip2 นั้นเป็น IP จริงที่ ADSL Router ใช้ในการวิ่งออก internet เพราะฉะนั้นเมื่อเราใช้ DDNS ของ noip2 จะเป็นการเข้ามาที่ ADSL Router ถ้าเราอยากให้เข้ามาที่ บอร์ด raspberry pi เรา เราต้องทำการ Forwarding Port ก่อนครับ อย่างที่สอง โดยทั่วไป ADSL จะไม่เปิด Port web,sshd (80,22) ขาเข้าไว้นะครับ ต้องโทรไปขอเปิดที่ผู้ให้บริการก่อน ว่าต้องการเปิด Port 80 และ Port 22 ขาเข้า ก่อนถึงจะใช้ได้ หรือไม่ก็เปลี่ยนไปใช้งาน Port อื่นครับ โดยในที่นี้จะแสดงตัวอย่างของการ Forwarding Port ของ 3BB ADSL Router นะครับ
 
ก่อนที่เราจะทำการ Forwarding Port ไปเราควรที่จะ Fixed IP ภายในของบอร์ด RaspberryPi ก่อนนะครับ โดยสามารถดูได้จากบทความ ตั้งค่า IP Address แบบคงที่ บน RaspberryPi
 

2. การตั้งค่า ADSL Router เพื่อ Forwarding Port และใช้กับ noip2

   
 2.1 การเข้าไป config ADSL Router
 
จริงๆการเข้าไป config จะมีหลายวิธีนะครับ แต่ในที่นี้จะเข้าไป config ผ่านเวปนะครับ โดยทั่วๆไป สามารถเข้าได้โดย http://192.168.1.1
 โดยทั่วไปของ 3bb User: admin  Password: 3bb
 
ADSL Router Login
 
 2.2 การตั่งค่า Forwarding Port ใน Visual Server
 
 
โดยทั่วไป Router แต่ละคนจะไม่เหมือนกันนะครับ แต่ดูไว้เป็นตัวอย่างนะครับ คิดว่าคงไปหาวิธีได้ไม่ยาก
 
3bb ADSL Config Port Forwarding for RaspberryPi
 
ในที่นี้ผมใช้ IP 192.168.1.99 เป็น IP ของบอร์ด Raspberry pi นะครับ เท่านี้ เมื่อเราอยู่ข้างนอก เราก็จะสามารถเข้าผ่าน DDNS ของ Noip2 เข้ามาทำงานได้ครับ โดยขึ้นอยู่กับการตั้ง Forwarding Port ของเราบน Virtual Server ครับ ^ ^

 

3. ตรวจสอบการ get Public IP ของ No-IP,3BB

           ในที่นี้ Public IP ที่ควรได้จะเป็น 171.7.0.141
    
noip getpublic ip

                   ใน raspberrypi กับเวป no-ip ก็ควรจะได้ ip เดียวกับที่ดูใน Router นะครับ

 noip getpublic ip rpinoip getpublic ip rpi 2

            หรือเข้าไปเช็คได้จากเวป http://www.portchecktool.com/ 

                 แต่ถ้าได้ Public IP ไม่เหมือนกับที่ดูใน Wan ของ Router อาจจะเกิดจาก ISP ได้ทำการ NAT Public IP เอาไว้ครับ ในกรณีนี้ ISP คือ 3BB เราก็โทรไปแจ้งให้เขาปลดให้ครับ แจ้งเขาไปว่าเราจะทำ DDNS สำหรับกล้องวงจรปิดหรืออะไรก็ได้ครับ แต่ Get Public IP ได้มาไม่ตรงครับ เดี๋ยวทางผู้ให้บริการเขาก็จะปลดออกให้ครับ