10/16/2558

วิธีแก้ไข Ctrl+c Ctrl+v ใน Word 2010 กับ windows 8 ไม่ได้

ขอ เกริ่นก่อนนะครับ เครื่องของผมใช้ Windows 8 + office 2010 อาการคือเปิด word แล้ว ใช้ shortcut Ctrl+c Ctrl+v ไม่ได้แต่สามารถใช้เม้าส์เลือก copy และ paste ได้ปกติ แต่เมื่อได้สอบถามกับทาง Microsoft help และได้ทดสอบ ปรากฎว่าอาการนี้ มักจะเกิดกรณีเปลี่ยนคีบอร์ดเป็นภาษาไทย แล้วไปเปิดโปรแกรม Microsoft Word 2010 จะไม่สามารถใช้ Shortcut ได้ ทุกคำสั่ง แต่เมื่อแป้นพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษจะไม่เป็นไร ใช้ได้ปกติ (ก่อนเปิดโปรแกรม Word 2010)
ปล. Excel Powerpoint อาการนี้ไม่มี
เมื่อวานทาง Microsoft help ส่ง link วิธีแก้ไข และได้ทดสอบแก้ไข ปรากฏว่าได้ผลเป็นอย่างดี เลยอยากจะแชร์ให้ทราบกัน
วิธีการแก้ไข
  1. เปิด Microsoft Word 2010 ขึ้นมาเลย
  2. ไปที่เมนู File > option 
  3. เลือก Customize Ribbon และเลือกปุ่ม Customize ตามภาพ
  4. ทำ ขึ้นตอน ที่ 1 – 4 ตามภาพ เลือก Categories เลือก Home Tab แล้วไปดูที่ Commands เลือก EditCopy จะเห็นว่า ช่อง Current Keys นั้น Ctrl+c หายไป ให้เอาเม้าส์ไปคลิ๊กช่อง Press new shortcuy key ดังขั้นตอนที่ 3 แล้วกดคีย์บอร์ด Ctrl ค้างไว้แล้วกด c ตัวอักษร Ctrl+c จะปรากฎขึ้นจากนั้น กดปุ่ม Assign เพื่อบันทึก ตามขึ้นตอนที่ 4 ดังภาพ
  5. แล้วอย่าลืม แก้ตัวอื่นด้วยนะครับ เช่น EditCut (Ctrl+x)   EditFind (Ctrl+f) EditPaste (Ctrl+v) EditUndo (Ctrl+z) FileSave (Ctrl+s) และ FilePrint (Ctrl+p)
ปล. หากหาคำสั่งในช่อง Commands  ไม่เจอ ให้เลือก Categories เป็น All Commands ดังภาพ ลองทำดูนะครับ
----------------------









10/06/2558

ใครใช้ VPS , Dedicated Server แนะนำ ★★★ ฟรี! Control Panel Vesta

มลองเล่นดูหละ ลงเร็ว ใช้งานง่ายมากๆ ที่สำคัญฟรีครับ

‪#‎ย้ำ‬ มันคือFree Control Panel

อ้างถึง
1) มันคือ Web Hosting Control Panel ครับ
2) มันเป็น Open Source อยู่บน Github ครับ https://github.com/serghey-rodin/vesta
3) มันออกแบบมาให้ใช้ native package ของ OS ไม่มีการ compile แยก ทำให้การ update package ต่างๆ ใช้วิธีของ OS ปกติได้เลย ไม่ต้องจำวิธีการแยกของ CP อยู่ (ผมชอบแบบนี้มากกว่าแบบของ DA นะ มันกลืนกับ OS ดี)
4) มันลงง่ายกว่า DA (เพราะไม่มีเรื่อง license สั่งคำสั่งเดียวก็จบ)
5) default มันลง nginx ดักหน้า apache มาให้เรียบร้อยโดยไม่ต้องแก้อะไรเพิ่มเลย
6) เท่าที่ review security ถือว่าดีเลยครับ แยก process ของ cp ออกจากเว็บปกติให้เรียบร้อย


วิธีลงคร่าวๆ นะครับ

1. ติดตั้ง Linux ตามที่ support
#    Currently Supported Operating Systems:
#    RHEL 5, RHEL 6
#    CentOS 5, CentOS 6
#    Debian 7
#    Ubuntu 12.04, Ubuntu 12.10, Ubuntu 13.04, Ubuntu 13.10, Ubuntu 14.04
ลงแบบ minimal นะครับ

2. หลังจากลงเสร็จ ก็ update ระบบแล้วรีเครื่องซักรอบ
3. Download installation script
โค๊ด:
curl -O http://vestacp.com/pub/vst-install.sh
4. Run it
โค๊ด:
bash vst-install.sh

ลงง่ายไปนะ  
คู่มือครับ http://vestacp.com/docs/

เป็นอันเสร็จสิ้น มีปัญหาอะไรสอบถามได้ในกระทู้นะครับ
ขอบคุณทุกกำลังแรงใจฮ่ะ  
ปล.VPS ของผมลงให้ฟรีทุกแพลนครับ

การติดตั้ง Vestacp บน CentOS 6.5 x64

Vesta Control Panel คือ?

Vesta เป็น Web Hosting Control Panel ประเภท Open Source อนุญาติให้เราดาวน์โหลดมาใช้ฟรีๆ เป็น CP ที่ติดตั้งได้ง่ายมากเมื่อเทียบกับ CP ตัวอื่นๆ และใช้ Native Package ทั้งหมดของ OS ซึ่งมีข้อดี คือ ถ้าหากต้องการอัพเดท Package สามารถใช้คำสั่ง yum update ได้ตามปกติ เพราะระบบไม่มีการแยก compile กับ OS แต่อย่างใด

Vesta Control Panel มีอะไรน่าสนใจบ้าง?

Web Server (Apache with Nginx as Reverse Proxy)
DNS server
Database Server
Mail Server
FTP Server
Nginx out of the box
SSL certificates & SNI
Wildcard support
Configuration Templates
DKIM support
Fast Backups
Easy update manager
System Monitoring
AntiSpam / Antivirus
WHMCS billing support
Simple and Clean GUI
Powerfull CLI & API
Secure Platform
GPL v3 License
Autoupdates

Vesta Control Panel รองรับระบบปฎิบัติการ(OS) อะไรบ้าง?

  • RHEL 5, RHEL 6
  • CentOS 5, CentOS 6
  • Debian 7
  • Ubuntu 12.04, Ubuntu 12.10, Ubuntu 13.04, Ubuntu 13.10, Ubuntu 14.04

ติดตั้ง Vesta Control Panel ผ่าน SSH

เนื่องจากเพิ่งได้ VPS ฟรี 2 เดือน มาลองใช้ จึงลองสร้าง Droplet และติดตั้งอิมเมท CentOS 6.5 x64 เพื่อใช้สำหรับทดสอบในครั้งนี้
1. ดาวน์โปรแกรม PuTTY เปิดโปรแกรมและพิมพ์หมายเลขไอพีของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของคุณ
putty-ssh
2. ล็อกอินเครื่องเซิร์ฟเวอร์และอัพเดทโปรแกรมที่เคยติดตั้งผ่าน yum
พิมพ์คำสั่ง yum update
3. ติดตั้งโปรแกรมพื้นฐาน
พิมพ์คำสั่ง yum install vim nano screen unzip zip curl wget dos2unix nc bc bind-utils -y
4. ดาวน์โหลดสคริปต์สำหรับการติดตั้ง
พิมพ์คำสั่ง curl -O http://vestacp.com/pub/vst-install.sh
5. เรียกใช้สคริปต์
พิมพ์คำสั่ง bash vst-install.sh
vestacp-setup
-แสดงหน้าจอยืนยันการติดตั้ง
พิมพ์คำสั่ง “Y”
-แสดงหน้าจอถามอีเมล
พิมพ์อีเมล์สำหรับรับชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน กด Enter
-แสดงหน้าจอถาม Hostname กด Enter
รอ…
6. หลังติดตั้งเสร็จ หน้าจอจะแสดงชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน สำหรับล็อกอินเข้าสู่ระบบ พร้อมทั้งส่งไปยังอีเมลที่ระบุไว้ตอนต้นด้วย
vestacp-install-finish
7. เปิดเว็บไซต์แล้วล็อกอินเข้าสู่ระบบ ตามข้อมูลที่ได้รับทางอีเมล์หรือจากหน้าจอโปรแกรม PuTTY
vestacp-login
8.หน้าแรกของ VestaCP
Vesta Control Panel
CP มีเมนูเยอะใช้ได้เลย แต่ไม่น่าจะใช่เรื่องยากสำหรับการเรียนรู้ ลองเอาไปติดตั้งเล่นกันดูน่ะ ไปแล้ว…
ที่มา : http://www.vestacp.com

9/11/2558

ประเภทของ Active Directory Domain Controller และการนำไปใช้งาน

image.png

รู้จักประเภทของ โดเมนและการเลือกใช้งานกันครับ
จากรูปด้านล่างแสดงถึง Enterprise Admins Group ที่สมาชิกใน Groups นี้สามารถเข้าไปบริหารจัดการได้ทุก Domain ใน Forest เดียวกัน
ประเภทของ Active Directory Domain Controller และการนำไปใช้งาน,Additional Domain Controller,Child Domain,Domain Tree
· Additional Domain Controller
เป็นการเพิ่ม Domain Controller เข้าไปใน Domain ที่มีอยู่แล้ว เพื่อแบ่งเบาภาระการทำงานของ Domain Controller ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้และเพิ่มการรองรับการทำงานในกรณีที่ Domain Controller ทีมีอยู่ก่อนหน้านี้อาจไม่สามารถทำงานได้ชั่วคราว (เรียกการทำงานแบบนี้ว่า Multi – Master) คือสามารถทำงานทดแทนกันได้
จากรูปด้านบน dc01.demo.local เป็น Domain Controller ตัวแรกที่เราได้สร้างขึ้นจาก LAB ที่ผ่านมา และ dc02.demo.local เป็น Additional Domain Controller ของ Domain demo.local
· Child Domain
เป็นการสร้าง Domain ไว้ในกรณีที่ เราต้องการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ แต่ ….. ต้องการแยกขอบเขตการบริหารจัดการกัน
ยกตัวอย่างเช่น
สำนักงานใหญ่อยู่กรุงเทพ ต้องการตั้งสำนักงานสาขาที่เชียงใหม่ จึงตั้งระบบ Child Domain ขึ้นมาโดยใช้ชือ cm.demo.local
และมี Server 2 ตัวสำหรับ Domain cm.demo.local คือ dc03 และ dc04 การตั้งค่าแบบนี้จะทำให้การปรับแต่งได ๆ ที่ demo.local ไม่มีผลกระทบมายัง cm.demo.local และเช่นกันครับ การปรับแต่งค่าได ๆ ที่ cm.demo.local ก็จะไม่มีผลกระทบกับ demo.local แต่……ผู้ดูแลระบบที่ demo.local ถือว่าเป็น Administrator Account ในระดับ Enterprise Admin Groups จะสามารถเข้ามาปรับแต่ง Child Domain และ Domain Tree ได้เช่นกัน
· Domain Tree
เป็นการสร้าง Domain ไว้ในกรณีที่ เราต้องการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ แต่ใช้ชือ Domain ที่แตกต่างกัน เช่นตามรูปตัวอย่างเรามี Root Domain ชื่อ demo.local แต่เราขยายกิจการใหม่ จำเป็นต้องตั้งสาขาใหม่และชื่อของกิจการไม่เหมือนเดิม จึงทำการตั้ง Domain สำหรับกิจการใหม่นี้ว่า abc.com โดยที่เลือกตั้งค่าเป็น Domain Tree
วิธีการตั้งค่าแบบนี้จะมีประโยชน์คือช่วยให้การบริหารจัดการยังเป็นแบบรวมศูนย์อยู่เหมือนเดิม โดยที่ ผู้ดูแลระบบที่ demo.local ถือว่าเป็น Administrator Account ในระดับ Enterprise Admin Groups จะสามารถเข้ามาปรับแต่ง Child Domain และ Domain Tree ได้เช่นกัน
ประเภทของ Active Directory Domain Controller และการนำไปใช้งาน,Additional Domain Controller,Child Domain,Domain Tree
คำอธิบายรูปแรกบนหน้าปกของวิชานี้ (แบบสั้น ๆ ) ถึงการใช้งานตามสถานการณ์ของแต่ละประเภท

Promote Additional Domain Controller

Promote Additional Domain Controller
Domain Controller ที่เราดูแลนั้นมีความพร้อมในการให้บริการมากน้อยแค่ไหน ถ้าคุณมี Domain Controller เพียงเครื่องเดียว แล้วไม่สามารถให้บริการ Active Directory ได้คุณจะทำอย่างไร วันนี้ไอทีซีซ่าขอเสนอ การสร้าง Backup Domain Controller เพื่อเตรียมความพร้อมในกรณีที่ Primary Domain Controller (PDC) ไม่สามารถให้บริการได้
องค์กรใครที่มี Domain Controller เพียงเครื่องเดียวที่รองรับการใช้งานจาก User ทั้งหลาย ระวังไว้ให้ดีนะครับ ถ้า DC คุณล่มไปล่ะก็ ฝันร้ายตามมาแน่ ๆ คุณอาจจะคิดว่า ฉันมี Backup เดี๋ยวก็ Restore ใหม่ได้ แล้วช่วงเวลา Downtime ที่เกิดขึ้นล่ะครับ User จะรอได้ไหม ใช้เวลาเท่าไหร่ในการ Recovery หรือถ้าคุณบอกว่า Promote โดเมนง่าย ๆ ทำแปปเดียวก็ได้ แล้วถ้าคุณมี File Server ด้วยล่ะ สิทธิ์ต่าง ๆ คุณจะต้องกำหนดใหม่ทั้งหมดเลย โอ้ย แค่นี้ก็หิวตับแล้วครับ
ทางเลือกคือ คุณควรมี Domain Controller สำรองอีกเครื่อง ซึ่งสามารถใช้งานทดแทนเมื่อ Domain Controller เครื่องหลักคุณไม่สามารถทำงานได้ โดยเครื่อง DC เครื่องที่ 2 นี้ จะถูกเรียกว่า Additional Domain Controller หรือบางทีก็เรียกว่า Backup Domain Controller (BDC) โดยครั้งนี้จะเป็นการสร้าง BDC แบบเขียน อ่านได้ทั้งฝั่ง PDC และ BDC ด้วย ไปดูวิธีทำกัน

เตรียมความพร้อมก่อนการ Promote Additional Domain Controller

ตรวจสอบ IP Address บนเครื่องก่อนว่าสามารถติดต่อกับเครื่อง PDC ได้ไหม อาจจะทดสอบวิธีง่าย ๆ ด้วยการ Ping ไปยังเครื่อง PDC ดูก่อน แต่สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือ คุณต้องสามารถ Resolve DNS ของเครื่อง PDC ได้ ซึ่งคุณจะต้องพิมพ์คำสั่ง nslookup บนเครื่อง BDC เพื่อตรวจสอบก่อนดังนี้
nslookup
ซึ่งผลตอบรับคุณจะต้องได้ IP Address ของ Domain ตอบกลับมา ตัวอย่างเช่น
Name:        domain.local
Address:     192.168.100.1
ถ้าคุณไม่ได้คำตอบคล้ายเช่นนี้ ให้ตรวจสอบว่า การตั้งค่า IP Address ถูกต้องหรือไม่ โดยคุณจะต้องตั้งค่า Preferred DNS Server ไปยัง IP Address ของเครื่อง PDC เสียก่อน แล้วทดสอบ nslookup อีกครั้ง ซึ่งหากทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ลงมือกันต่อ

เริ่ม Promote Additional Domain Controller

เมื่อคุณหาเครื่อง Server เครื่องใหม่ได้แล้ว ก็พิมพ์คำสั่ง dcpromo ที่ Start > Run เหมือนกับตอน Promote First Domain Controller เลย แล้วคลิก Next ไปกระทั่งจนถึงหน้า Choose a Deployment Configuration เลือก Existing forest, Add a domain controller to an existing domain แล้วคลิก Next.
Choose a Deployment Configuration
หน้า Network Credentials พิมพ์ domain.local ลงในช่อง Type the name of any domain, คลิก Set ที่ตัวเลือก Alternate credentials แล้วพิมพ์ Username, Password ของ Administrator บนเครื่อง Primary Domain Controller
Network Credentials
หน้า Select a Domain เลือก Domain หลักที่ต้องการเข้าเป็นสมาชิก แล้วคลิก Next.
Select a Domain
หน้า Select a Site คลิก Next.
Select a Site
หน้า Additional Domain Controller Options เลือก Global Catalog ไว้ด้วย, คลิก Next.
Additional Domain Controller Options
เมื่อมี Dialog ปรากฏขึ้นมาให้เลือก Yes, Dialog นี้แค่บอกว่าเราไม่ได้สร้าง DNS Zone ไว้รองรับ ซึ่งไม่เป็นไรครับ หลังจากขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น Zone ทั้งหลายก็จะถูก Transfer จากเครื่อง PDC มายัง BDC เอง
หน้า Location for Database, Log Files, and SYSVOL คลิก Next.
หน้า Directory Services Restore Mode Administrator Password ใส่รหัสสำหรับ Restore เหมือนกันทั้ง 2 ช่อง แล้วคลิก Next.
หน้า Summary คลิก Next.
(ย้อนกลับไปดูการ Promote First Domain Controller)
หลังจาก Promote Additional Domain Controller เสร็จ สิ่งที่คุณต้องทำต่อไปคือ กำหนด IP Address ของเครื่อง Client โดยการเพิ่ม Alternate DNS Server มายังเครื่อง Additional นี้ เพื่อที่เวลาเครื่อง DC หลักมีปัญหาเมื่อไหร่ DNS ของ Client ก็ยังสามารถ Rotate มาสอบถามจากเครื่องสำรองได้ และก็ยังค้นหาโดเมนเนมในองค์กรเจอ ทำให้สามารถเข้าสู่กระบวนการ Resolve Name และ Authentication ได้ต่อไป

9/09/2558

ติดตั้ง Windows ไม่ได้ Error : Windows cannot be installed to this disk

ติดตั้ง Windows ไม่ได้ Error : Windows cannot be installed to this disk

การแก้ไขลง Windows ในคอมพิวเตอร์ไม่ได้

Windows_cannot_be_installed

สำหรับคนที่กำลังจะทำการลง Windows ต่างๆในคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ตอนที่เราจะทำการลง Windows นั้นเราไม่สามารถลงได้ แต่เราจะพบกับ Error ที่ขึ้นมาว่า "Windows cannot be installed to this disk. the selected disk has an MBR partition table. On EFI system, Windows can only be installed to GPT disks." และเราจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร เดี๋ยวผมพามาดูกันครับ
UEFI (Unified Extensible Firmware Interface) คือ Firmware สำหรับ PC ที่ออกแบบมาเพื่อใช้แทน BIOS (Basic Input/Output Aystem) โดย UEFI พัฒนาออกแบบมาให้ทำงานควบคู่กับ Software เพื่อแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ของ BIOS

วิธีการแก้ไข Windows cannot be installed to this disk. the selected disk has an MBR partition table

1. ให้เราทำการ Restart คอมพิวเตอร์ > จากนั้นทำการ กดปุ่ม F10 หรือ ปุ่ม "Delete"  บน Keyboard ของเรา
2. จากนั้นไปที่เมนู Boots > Source Boots (ทำการ Disable) ให้ทำการปิด Disable UEFI Boot Source.
3. และทำการ Save โดยเลือก File > Save Changes > Exit
4. ทำการติดตั้ง Windows แบบเดิม ทีนี้คุณก็สามารถติดตั้ง Windows ได้แล้วครับ
เท่านี้เราก็สามารถทำการติดตั้ง Windows ได้แล้วครับ
ข้อแนะนำ
สำหรับใครที่ ซื้อ Harddisk ขนาด 2 TB ขึ้นไป ให้ทำการ Convert HDD เป็น GPT แล้วลงแบบใช้ UEFI จะดีกว่าครับ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน

**สำหรับใครที่อยากลง Windows 7 , Windows 8.1 หรือ Windows 10 โดยลงแบบ Windows UEFI ให้ทำตามนี้ครับ >> วิธีการลง Windows UEFI  หรือ ให้ทำการปรับ USB Bootable ให้เป็นแบบ UEFI/BIOS



8/24/2558

ติดตั้งการ์ดแลน Intel Pro 1000 MT Dual Port Server ให้ได้ความเร็ว 2 เท่า


จุดประสงค์ : กำหนด Team เป็น ALB (Adaptive Load Balancing) สามารถใช้งานได้กับ Switch ตลาดทั่วไปทั้งแบบ Managed และ Unmanaged
  1. ก่อนติดตั้งการ์ดแลนใหม่ (Intel Pro 1000) ให้เปลี่ยนไอพีแอดเดรสของการ์ดเดิม (Lan On Board) เป็นหมายเลขอื่นหรือให้ DHCP จ่ายไอพีให้อัตโนมัติก็ได้ หลังจากนั้นให้ Disable Lan On Board ไว้ก่อน
  2. ใส่การ์ดแลนในช่องสล๊อต PCI ยังไม่ต้องเสียบสายแลน สำหรับวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 จะติดตั้งไดร์เวอร์ให้เองอัตโนมัติ ซึ่งมองเห็นเป็นแลน 2 ช่อง (แยกไอพี) ให้ตั้งชื่อใน Network Properties ตามสะดวก เช่น Intel Pro 1000 #1 และ #2
  3. ใส่แผ่นซีดีที่แถมมาในกล่องการ์ดแลน เพื่อติดตั้งไดรเวอร์ของอินเทลแทนของวินโดวส์
  4. คลิกปุ่ม Next ไปเรื่อย ๆ จนติดตั้งเสร็จ เราจะเห็นหน้าจอของ Intel Pro 1000 ขึ้นมา
  5. ในส่วน Network Properies ของการ์ดแลน Intel Pro 1000 ให้เลือกแท็บ Teaming
  6. คลิกเลือก Team this adapter with other adapters
  7. คลิกปุ่ม New Team ... ตั้งชื่อตามสะดวก ตัวอย่าง Team #0
  8. เลือกรายการการ์ดแลนของ Intel Pro 1000 ทั้ง 2 พอร์ต ลักษณะดังรูป
  9. เลือกแบบ "Adaptive Load Balancing" ... รอสักครู่
  10. หลังติดตั้งเสร็จจะเห็นการ์ดแลนใหม่ (Team #0) ที่เสมือนรวม 2 การ์ดแลนไว้ด้วยกัน ลักษณะดังรูป
  11. คลิกขวาเลือก Properties ของการ์ดแลน Team #0 ข้างต้น กำหนดหมายเลขไอพีแอดเดรสตามสะดวก
  12. เสียบสายแลนกับการ์ด Intel Pro 1000 ทั้งสองพอร์ตต่อเข้ากับ Switch สองช่องไหนก็ได้ ให้สังเกตความเร็วจะได้สองเท่า (2 Gbps)
  13. (ทางเลือก) ถ้าต้องการทดสอบเพื่อความแน่ใจ ให้คลิกปุ่ม Configure... ในหน้า Properties ของการ์ดแลน
  14. คลิกปุ่ม Test Switch > Run Test ... รอสักครู่ ถ้าทุกอย่างถูกต้องผลลัพธ์จะแสดงลักษณะดังรูป


อ่านเพิ่มเติม : http://www.intel.com/support/network/sb/cs-009747.htm

4/09/2558

วิธีแก้ปัญหา Firefox ปิดตัวเอง



ท่าน ที่ใช้งาน Ubuntu คงพบปัญหานี้อยู่เป็นประจำ ซึ่งแต่ก่อนเราอาจใช้วิธีปิด Extension ของภาษาไทย เพื่อแก้ไขปัญหา แต่ใน Ubuntu รุ่นหลังๆ จะไม่สามารถแก้ได้แล้ว คือ ต้องเปลี่ยนวิธีแก้ปัญหา
โดยวิธีแก้คือ ต้องไปสั่งปิดการทำงานของตัว Spell check
วิธีแก้สามารถทำได้ดังนี้
  • ที่ช่อง Address bar ให้พิมพ์คำว่า about:config
  • เลื่อนลงไปหาบรรทัดที่เขียนว่า layout.spellcheckDefault
  • เมื่อพบบรรทัดที่เขียนข้อความดังกล่าว ให้ดับเบิ้ลคลิกเพื่อเปิด
  • จากนั้นแก้ไขค่าตัวเลขจาก 1 เป็น 0 เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย

4/03/2558

ปัญหาไฟเลี้ยง USB ไม่พอ และเพิ่มไฟให้ HDD Encloser ด้วย PSP Charger

1


มี โอกาสได้กล่องใส่ Harddisk 2.5" แบบ พร้อมกับ Harddisk ขนาด 250GB มาถ้าเป็นตัวเองตัดสินใจ คงไม่มีโอกาสได้ซื้อแน่ ๆ หลังจากใช้งาน อธิบายคร่าว ๆ เป็นกล่องสีเงิน ๆ มีสายให้มา 1 เส้น ไว้ต่อกับ USB แต่สายจะมี USB หัวตัวผู้โยงกัน 2 หัวเลย

มีคนบอกว่า เวลาเราเสียบ สายไฟ 1 เส้น ถ้าโชคดี คอมจะมองเห็น Drive เพิ่มขึ้นมาเลย นั่นก็คือใช้งานได้แล้ว แต่ถ้าโชคไม่ดี Harddisk เราจะมีเสียงดัง แต๊ก ๆ ๆ ๆ บ้างดังแล้วดับไปเอง บ้างก็ดังแต๊ก ๆ ไม่หยุด เสียงนี้ น่ากลัวมาก กลัวที่ Harddisk เราจะเสียนะครับ เจอเสียงแบบนี้ให้ รีบถอดสายเลย และใน คอมเราก็มองไม่เห็น Harddisk ตัวนี้นะ เค้า็ว่าให้เสียบสาย USB 2 หัวเลย คงตั้งใจให้ดึงไฟจาก USB Port ออกมามากพอ เพื่อให้ Harddisk ทำงานให้ได้ แต่บางทีก็ไม่ได้ คงเคยเจอมันมาแล้วใช่ไหมครับ


เลยขอกล่าวปัญหาใหญ่ของ USB และอุปกรณ์ที่ทำงานกับ USB ทุกอย่าง นั่นคือไฟเลี้ยงจากคอม ไปเลี้ยงไม่พอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของอุปกรณ์ และขึ้นอยู่กับความยาวของสาย USB นั้น ๆ ด้วยนะครับ อย่างง่าย ๆ เลย ทุกคนเคยเจอแน่ เสียบสาย USB เข้าคอมไป คอมมองไม่เห็น ต้องเปลี่ยนช่องเสียบ อ่าว USB โง่ หรือคนใช้ฉลาดน้อยกันแน่ มันถึงเสียบทีเดียวแล้วไม่ติด ฮ่า ๆๆ

ผมเคยลองมองเข้าไปตรง Mainboard ตัวบอร์ดหลักที่จะมี USB ให้เราได้ทำงานกันได้ แต่ความสามารถของ Mainboard ก็ไม่ได้เก๋าเจ๋งไปทั้งหมดนะครับ สายที่โยงไปสู่ช่อง USB ด้านนอก ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหน้า เคสรุ่นใหม่ USB จะต่อออกด้านหน้า 2 ช่อง คือจะใช้ส่วนตรงนี้ ขาเสียบจะรวม ๆ กันอยู่ใกล้ ๆ กันกับส่วนควบคุม ปิด เปิดเครื่อง ทำนองนี้ เค้าลือกันว่า ไฟส่วนนี้จะจ่ายเบากว่าส่วนหลัง และ USB ที่จะมีอีกส่วนแปะอยู่ด้านหลัง ๆ บาง Mainboard รองรับรวมกันแล้วได้ถึง 8 Port บ้างก็เป็น 10 หรือ 12 ใครใช้หลายอุปกรณ์ ก็ต้องดู Spec Mainboard ก่อนซื้อดี ๆ นะครับ ฉะนั้น ให้ลองดูครับ เสียบ USB ด้านหน้าไม่ได้ผล ให้ลองกลับไปเสียบด้านหลังดูบ้าง เผื่อจะทำให้อุปกรณ์นั้น ๆ ทำงานได้ครับ แล้วก็อย่าลืมตรวจสอบดู เอาฝุ่นออกไปบ้างนะครับ บางคนปล่อยเครื่องกินฝุ่นหลายปี ไม่เคยแคะให้มันเลย สงสารมันเหอะ หาแค่แปรงสีฟันเก่า ๆ หรือภู่กัน หรือแปลงทาสี แค่นี้ก็ปัดฝุ่นได้แล้วครับ


2


อีกอ ย่าง อุปกรณ์ USB ในยุคแรกจะทำสายยาวครับ ยาวมาก ๆ เลย จนบางรุ่นใช้งานยากมาก ๆ เสียบติดบ้างไม่ติดบ้าง เพราะไฟเลี้ยงไปไม่ค่อยถึง แถมสายคุณภาพต่ำบางอย่าง ที่เส้นเล็ก ๆ บาง ๆ มันส่งไฟไปได้ไม่ดีครับ แบบนี้หาสายดี ๆ มาเปลี่ยนครับ ผมลองมาเยอะ กับ Card Multi Reader ในคราวล่าสุด ผมก็หาสายเส้นอื่น มาเสียบแทน มันเสียบกันได้นะ ใช้ไปหลาย ๆ อันถึงรู้ว่า คุณภาพมันไม่เท่ากันครับ สุดท้ายไปจูบปากกับสาย USB ที่ไว้ต่อโทรศัพท์ Nokia N-gage ของผม คุณภาพมันเลิศมาก ๆ ครับ สายเส้นใหญ่ เสียบแล้วแน่นพอดีเลย (สายนี้ยังเสียบได้พอดี กับเครื่องเล่นเกม PSP ด้วยครับ เจ๋งมาก) ผมยังเคยลองเอาสายที่ต่อ กับกล้องถ่ายรูป ที่ไว้ต่อกับคอม มันเป็นแบบเดียวกัน แต่เส้นเล็ก สีขาว และมีตัวปุ่มใหญ่ ๆ (ที่ไว้กันสัญญาณรบกวน) ติดมาด้วย อันนั้นก็ใช้งานได้ดีครับ ใครมีกล้องลองไปงัดมาใช้ดูกันเอง แต่ดูกันเอาเองว่า หัวที่เสียบต่อกับอุปกรณ์ มันเสียบด้วยกันได้ไหม ปัญหาในยุคแรกสำหรับคอมบางที เกิดจาก PSU - Power Supply จ่ายไฟได้น้อยวัตต์ การจ่ายไฟเลยยังไม่ดีพอ เลยส่งผลไปถึง USB ด้วยนั่นเอง


ยุคหลังมา PSU เริ่มดีขึ้น จ่ายไฟมากขึ้น บางคนเล่นไปถึง 1000 วัตต์กันแล้ว แต่บางคนยัง 250 วัตต์อยู่เลย ฮ่า ๆ ไม่รู้ยังมีอยู่หรือเปล่า แถมยังมีแบบวัตต์แท้ วัตต์เทียมให้งงกันต่อไปอีก แต่ก็เอาเถอะ มันดีขึ้นมาได้ระดับหนึ่งแล้ว และอุปกรณ์ USB หลายชนิดตัดสายสั้นลงครับ เพราะเริ่มรู้ว่าเดี๋ยวนี้เค้ามี USB ด้านหน้าเคสใช้กันแล้ว สั้น ๆ ก็พอแล้ว และจะทำให้จ่ายไฟได้พอด้วยครับ แต่ผมยังไม่ค่อยพอใจกับ อุปกรณ์บางตัวนะ มันสั้นไปครับ ผมเห็นวันนั้น ตัวอ่านการ์ดยี่ห้อ Apacer มันสั้นประมาณ 20 ซม. เองอ่ะ ผมเลยต้องไปซื้อยี่ห้อ Trancend แทนครับ ยาวกว่ากัน เพราะผม ยังจำเป็นต้องต่อสาย หลังคอมอยู่ครับ เลยต้องหาสายยาวมาแทน

3


ผมขอกล่าวถึง USB Hub ครับ อุปกรณ์ที่ไว้ขยาย USB ของเราจาก 1 ช่องให้เสียบอุปกรณ์ได้ เพิ่มอีกหลายช่อง เริ่มแรกจะมี 4 Port ตอนหลังผมเห็น 7 Port, 10 Port กันเลยทีเดียว พวกนี้มันก็คิดต่อยอดครับ ไฟไม่พอ ก็เอาหม้อแปลงมาเพิ่มไฟให้เลยดีกว่า ราคาจะแพงกว่ากัน นิดหน่อยครับ บางตัวมีช่องเสียบไฟมาให้ด้วย แต่ไม่มีหม้อแปลงให้ แต่ไม่น่ากลัวครับ แค่หาหม้อแปลง ทั่ว ๆ ไป แบบปรับไฟได้ เปลี่ยนหัวได้หลายแบบ จ่ายไฟได้ 5V แบบ + อยู่ด้านใน - อยู่นอก เสียบเข้าไป ก็ใช้ได้แล้วครับ ถ้าถามว่าแบบมีหม้อแปลงดีกว่าไหม ก็ดีกว่าครับ ถ้าคิดว่าจะต้องใช้งาน จริงจัง แบบตลอดเวลาทำงานต้องรวดเร็ว ก็ควรใช้ครับ เพราะคนใช้งาน USB รู้กันดีกว่า บางวันเสียบติด ทำไมวันนี้เสียบไม่ติด ฮ่า ๆ ๆ ตามดวงครับ แล้วแต่ภาวะการจ่ายไฟ ของเครื่องคอมเราด้วย ไฟไม่พอก็ไม่ติดซะงั้น ฉะนั้นอุปกรณ์ถ้ามีไฟนอกรองรับไว้ด้วย จะดีกว่าครับ


เรื่อง USB HUb เตือนไว้แค่อย่างเดียว เวลาต่อโดยตรงกับเครื่องคอม (ไม่ผ่าน Hub) มันจะเร็วกว่าต่อผ่าน USB Hub นะครับ เลยอยากจะเตือนย้ำว่า ถ้าอุปกรณ์ USB ของคุณเยอะมาก ๆ คราวต่อไปมองหา Mainboard ที่มีช่อง USB มาให้มาก ๆ หน่อยครับ และดูให้ดี ๆ บางรุ่นมี USB Port ด้านหลังมาให้เยอะมาก ๆ เลย บางรุ่นมีเผื่อไว้แต่ต้องหาต่อสายเพิ่ม ด้านหลังมาต่อเองครับ แต่ซื้อเพิ่มได้ครับ ผมเองเคยซื้อ USB Hub ตัวนึงมาเสียบคาเครื่องไว้ เครื่องเปิดเกือบ 24ชม. มา 3 ปีกว่าแล้วครับ มันเพิ่งเสียบไปไม่นานนี้เอง เสียดายมาก จับดูมันปูดครับ คงมีความร้อนพอควรเวลาเราเสียบ USB Hub คาไว้ ถ้าคุณมีอยู่เสียบไว้ที่เครื่อง ลองเอามือไปจับดูครับ อุปกรณ์ไหนเสียบ USB กับคอมแล้วร้อนมาก ระวังว่าจะเสียเร็ว อย่าเสียบคานาน ๆ ครับ เสียบเฉพาะใช้งานดีกว่า


4


ขอ เข้าเรื่องเลย วันนึงผมยก HDD External ที่ใช้กล่อง HDD Encloser ไปที่บ้านครับ ดันเอาสายที่ ไ่ม่ใช้ของมันมาใช้ ปรากฏว่าเสียบไม่ติดครับ ดัง แต๊ก ๆ ๆ ตลอดเวลา ผมจนปัญญาเลย สายตัวจริง ดันเก็บไว้อีกบ้านหนึ่ง ผมเลยจับกล่องขึ้นดู มีช่องรับไฟ 5V อยู่ เดี๋ยวลองหาหม้อแปลงดู เผื่อจ่ายไฟแล้วช่วยได้ อ่าวมีสายชาร์จ PSP รุ่นเก่าอยู่ตัว จ่ายไฟ 5V 2000mAH อยู่ ต้องลองครับ อ่าวหัวเสียบได้ แต่มันจะหลวมกันนิดหน่อย พอดูการจ่ายไฟ + อยู่ด้านในเหมือนกัน ผมเสียบเลยครับ โดยไม่ต่อคอมนะ ไฟเขียวทำงานขึ้นมาเลย ดีใจมาก เสียบสายกับคอม มองเห็นชัดแจ่มครับ อันนี้ก็คงเป็นกรณี คอมจ่ายไฟไม่พอครับ เลยต้องใช้ไฟนอกเลี้ยง ถึงจะสู้ไหวครับ เพิ่งรู้ว่ามันทำงาน ด้วยกันได้นะเนี่ย สายชาร์จ PSP ก็มีประโยชน์อื่นด้วย


5


อุปกรณ์ เก่าบางทีเสียแล้วทิ้งไป เก็บหม้อแปลงไว้ครับ มีประโยชน์ในอนาคตแน่นอน ยุคนี้หลาย ๆ อุปกรณ์ มันใช้ถ่านได้ เสียบไฟได้ มีแต่เรื่องใช้ไฟทั้งนั้นเลยครับ ยุคนี้ต้องประหยัดกันไว้ครับ ขอจบไว้เท่านี้ โชคดีมีชัย

2/20/2558

Xibo : Open Source Digital Signage

หากท่านใดต้องการระบบ digital signage บน PC (ยังไม่ใช่ embedded) และยังไม่สะดวกกับการซื้อหรือพัฒนาเองละก็(โดยเฉพาะโรงเรียนหรือหน่วย งานราชการ) ผมแนะนำนี่เลยครับ


Xibo (อ่านว่า เอ็กซ์ ซิ โบ) open source digital singage solution
มีความสามารถหลายอย่าง เช่น multi-display, multi-zone, สามารถแสดงได้ทั้ง text, images, videos และ power point ครับ และการคอนฟิกรวมถึง admin ต่างๆ เช่น สร้าง layout, ทำ schedule ทำได้โดยผ่านทาง web-based management โดยทั้ง client และ server นั้น สามารถเลือก install ลงได้ทั้งบน Windows และ Linux
ตัว client นั้น บน Windows จะเป็น .Net ส่วนบน Linux นั้นเป็น Python based ครับ และตัว server นั้นก็เป็น web application ธรรมดาๆบน XAMPP นี่ละครับ
ก็ลองไปใช้กันดูนะครับ คราวหน้าผมจะรีวิวการทดลอง install และใช้งานให้ดูต่อไปครับ
ส่วน digital signage solution บน embedded นั้น ผมกำลังพัฒนาระบบที่มีความสามารถประกอบด้วย ticker, media player, live streaming, 3D graphics และ ความสามารถในการทำ semi tranparency รวมทั้งในส่วนของ database และ administration ( กำลังคิดอยู่ว่าหากทำให้เข้ากันได้กับ xibo server เนี่ยอาจจะเป็นข้อดีเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ ) ทั้งหมดอยู่บน linux และรันบน embedded sbc ที่คัดเลือกมาแล้ว
ถ้าถามว่า ทำไมต้องเป็น Embedded, ระบบในปัจจุบันโดยเฉพาะที่บ้านเราใช้ๆกันอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็น PC และเป็น Web based เพื่อความง่ายในการพัฒนา ต้นทุนที่มองเห็นต่ำกว่าการใช้ industrial grade hardware หรือ Embedded system แต่ในเรื่องของการดูแลรักษานั้น กับระบบที่ต้องเปิดอยู่เกือบตลอดเวลา หากต้องเล่นไฟล์ วิดิโอ กราฟิก ซึ่งใช้การคำนวณมาก cpu ทำงานตลอดเวลา ความร้อนสะสม ฝุ่น การใช้ชิ้นส่วนที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในบ้าน การสิ้นเปลืองพลังงาน เนื้อที่ การบำรุงดูแลรักษา เหล่านี้ เป็นค่าใช้จ่ายแฝงทั้งสิ้น ไม่รวมค่าสูญเสียโอกาส เมื่อระบบขัดข้อง มีปัญหาต้องแก้ไข ต้องหยุดรันไปอีก บางโซลูชั่นฝังโปรแกรม web server เอาไว้ที่ player ทุกตัว อาจเป็นช่องโหว่ให้เกิดการโจมตี หรือ hack เข้ามาในระบบ อาจก่อให้เกิดความเสียหายมากมายได้ หากออกแบบระบบเน็ตเวอร์คมาไม่ดีพอ ผมยังเคยเห็นจอLCD ขนาดประมาณสิบนิ้วรันโฆษณาสินค้าอยู่บนแต่ละ shelf ในซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่ง ที่ตอนนี้นิยมใช้กันวิธีนี้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่ผมก็เหลือบไปเห็น เคส desktop PC ตั้งอยู่ข้างบนแต่ละ shelf ด้วย ! หรือ บนรถโดยสาร BRT ผมเห็นเคส PC ตัวเบ้อเริ่มวางอยู่ข้างคนขับ การใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุเหล่านี้ ยังนำมาซึ่งความจำเป็นในการจัดการและบริหารพลังงานไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นอีก เหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนแฝงทั้งสิ้น
ปัจจุบัน การแข่งขันในอุตสาหกรรมการผลิต SOC ( System on Chip ) รุนแรงขึ้นมาก ทำให้ราคาถูกลง ประสิทธิภาพสูงขึ้นใกล้เคียงกับการใช้งาน PC มากขึ้น โดยนำพาข้อดีของการมีขนาดที่เล็ก กินไฟน้อย จึงมีพลังงานสูญเสียในรูปของความร้อนน้อยกว่า ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องเกม PlayStation, Wii หรือ HD media player ทั้งหลาย แต่เนื่องจากชิพเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่องานเฉพาะด้าน ไม่ใช่ใช้งานเอนกประสงค์ทั่วไป การพัฒนาระบบซอฟแวร์ จึงต้องมีการคำนึงถึงปัจจัยในหลายๆด้านด้วย เพื่อหาจุดที่เหมาะสม ทั้งด้านราคาและคุณภาพ
ดังนั้น ผมจึงคิดว่า การหันมาพัฒนาโซลูชั่นบน Embedded hardware นั้น คือคำตอบสำหรับวันนี้และอนาคตครับ และก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ท่านพิจารณา เพื่อนำไปใช้งานตามความต้องการได้อย่างเหมาะสมคุ้มค่าที่สุดครับ
อัพเดต (01/11/2013): วันนี้ผมได้พัฒนาระบบ digital signage ราคาถูก(จริงๆ)ขึ้นมาครับ มีทั้งแบบ standalone และ network โดยใช้ระบบปฎิบัติการ Linux และเป็น native program ไม่ใช่ web-based ท่านใดสนใจ ติดต่อได้ครับ ทำเอง เพราะฉะนั้น customize ได้ตามความต้องการของท่านเลยครับ

2/16/2558

ใช้สิทธิ์ Administrator แบบถาวรในขั้นตอนการติดตั้ง Windows 7

สวัสดีครับ เพื่อนๆที่น่ารักทุกๆท่าน สำหรับวันนี้ผมก็มีทริค Windows 7 มาฝากกันอีกนิดหน่อย เพราะอีกไม่นาน เราจะย้ายไป Windows 8 และ 8.1 กันเต็มสูบสักทีนะครับ โปรดรอติดตาม สำหรับบทความวิธีนี้จะเป็นการเลือกใช้ชื่อ User Account เป็นสิทธิ์ Administrator แบบถาวรเลย ซึ่งเราจะทำกันหลังจากที่มีการติดตั้ง Windows 7 เกือบจะเสร็จสมบูรณ์ ที่ว่าเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ ก็คือ ยังไม่ทันได้เข้าสู่หน้าจอ Windows ครับ แต่จะอยู่ที่หน้าจอสำหรับกำหนดชื่อ Username และ Computer Name ใหม่ แล้วเมื่อกำหนดเป็น Admin ในการใช้งานต่างๆ เช่น การติดตั้งโปรแกรมต่างๆ หรือการเรียกใช้ Command Prompt หรือยูทิลิตี้อื่นๆก็สามารถทำได้เลย รวมไปถึงโปรแกรมที่อาจจะไม่รองรับกับระบบโดยตรง ก็ไม่จำเป็นต้องคลิกขวาเพื่อ Run as administrator กันอีกแล้ว
ปล. สำหรับเพื่อนๆที่ใช้งานอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่ได้ใช้สิทธิ์เป็น Admin ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ไม่ยากครับ แต่จะขออธิบายไว้ในคราวถัดไป
สำหรับขั้นตอนการติดตั้ง Windows 7 ตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อนๆสามารถศึกษาได้จากที่นี่
การติดตั้งวินโดวส์ 7 อย่างละเอียด!! หรือ การติดตั้งวินโดวส์ 7 อย่างละเอียด!! (ตั้งแต่ข้อ 1 ถึง ข้อ 8)
ขั้นตอนการแก้ไข
เมื่อทำการติดตั้ง Windows 7 จนมาถึงหน้าจอให้กำหนด User name และ Computer Name ก็ไม่ต้องกรอกข้อมูลครับ แต่ให้กดปุ่ม Shift + F10 เพื่อเรียกใช้งานหน้าต่าง Command Prompt
account-is-enabled-01
เมื่อหน้าจอ Command Prompt ถูกเปิดขึ้นมา ก็พิมพ์คำสั่ง msconfig แล้วกด Enter
account-is-enabled-02
หน้าต่าง System Configuration จะถูกเปิดขึ้นมา ก็คลิกแท็บ Tools
account-is-enabled-03
ที่ Tool Name ให้คลิกเลือกหัวข้อ Computer Management -> คลิกปุ่ม Launch
account-is-enabled-04
แล้วหน้าต่าง Computer Management จะถูกเปิดขึ้นมา ก็ให้คลิกเข้าไปที่ Computer Management -> System Tools -> Local Users and Groups -> User
แล้วดับเบิ้ลคลิกหัวข้อ Administrator
account-is-enabled-05
เอาเครื่องหมายถูกออกหน้าหัวข้อ Account is disabled เพื่อเปิดการใช้งานแอคเค้าน์ Administrator แล้วกด Apply -> OK พร้อมกับปิดหน้าต่าง Computer Management ลงไปด้วยครับ
account-is-enabled-06
กลับมาที่แท็บ Tools ของหน้าต่าง System Configuration ให้คลิกหัวข้อ Task Manager -> คลิกปุ่ม Launch
account-is-enabled-07
แล้วหน้าต่าง Windows Task Manager จะถูกเปิดขึ้นมา ที่แท็บ Applications ให้คลิกหัวข้อ msoobe แล้วกด End Task
account-is-enabled-08
คลิก End Now อีกครั้ง เพื่อยืนยัน แล้วให้ปิดหน้าต่างทั้งหมด หรือจะรอจนกว่าเข้าสู่หน้าจอ Windows แล้วค่อยปิดก็ได้ครับ
account-is-enabled-09
หลังจากนี้หน้าจอจะดำไปประมาณ 5-10 วินาที
account-is-enabled-10
เพียงเท่านี้สิทธิ์การใช้งานในเครื่องของเพื่อนๆก็จะเป็นสิทธิ์ Administrator แล้วครับ
account-is-enabled-11
สำหรับวันนี้ก็คิดว่าเพื่อนๆคงจะได้รับความรู้ไปไม่มากแต่ก็ไม่น่าจะน้อย ขอบพระคุณที่เข้ามาแวะเยี่ยมชม เอาไว้พบกันในบทความหน้ากันต่อ สวัสดีคร้าบผม