6/30/2554

วิธีการสร้างแผนภูมิ Excel 2003

การสร้างแผนภูมิ
 
 
การสร้างแผนภูมิ หรือ ชาร์ต (Chart) ด้วยโปรแกรมเอ็กเซล เป็นการนำเอาข้อมูลแต่ละแถว

และคอลัมน์บนแผ่นงาน มาสร้างเป็นชุดข้อมูลโดยแต่ละค่าของข้อมูลที่นำมาสร้างเป็นชาร์ต
เรียกว่า จุดข้อมูล (Data Point)แผนภูมิที่สร้างด้วย เอ็กเซลล์ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ
คือ    แบบฝังบนแผ่นงาน เป็นวัตถุในแผ่นงานเดียวกับชุดข้อมูล และ  แบบแยกแผ่นงาน
เป็นแผ่นงานเฉพาะซึ่งบรรจุแผนภูมิอย่างเดียว สร้างแผนภูมิแยก โดยผู้สร้างสามารถ
เลือกใช้ได้ทั้งสองแบบ

องค์ประกอบของแผนภูมิ
 

วิธีการสร้างแผนภูมิ
 
1. เลือกช่วงข้อมูลที่ต้องการจะสร้างแผนภูมิ > คลิกที่ปุ่ม ตัวช่วยสร้างแผนภูมิ

ที่ทูลบาร์มาตรฐาน
หรือ คลิกที่คำสั่ง แทรก > แผนภูมิ ที่แถบเมนูบาร์

2. จะได้ขั้นตอนที่ 1 ได้ไดอะล็อกบ็อกซ์ชนิดแผนภูมิ >
คลิกเลือกชนิดย่อยของแผนภูมิ > คลิกปุ่ม ถัดไป

จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 แหล่งข้อมูลของแผนภูมิ ให้เลือกช่วงของข้อมูลว่าเริ่มตั้งแต่เซลล์ใดและสิ้นสุดที่เซลล์ใด


3.
คลิกที่ปุ่ม
ถัดไป จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 ตัวเลือกแผนภูมิ > คลิกที่ช่อง ชื่อแผนภูมิ > พิมพ์ชื่อแผนภูมิ เป็น

ชื่อแผนภูมิที่เราต้องการ (เช่น สรุปยอดขายรถยนต์ ปี 2550)
และอาจจะกำหนดตัวเลือกอื่น เช่น แกน X แกน Y

4.
คลิกปุ่ม
ถัดไป จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 4 ตำแหน่งแผนภูมิ ที่ตัวเลือกวางแผนภูมิ คลิกเลือก เป็นวัตถุใน หรือ

เป็นแผ่นงานใหม่ ตามต้องการ แล้วคลิกปุ่ม เสร็จสิ้น


การย้ายและเปลี่ยนขนาดแผนภูมิ
 
แผนภูมิที่เราสร้างขึ้นมาแล้ว เราสามารถปรับแต่งด้วยการย้ายและเปลี่ยนขนาดของแผนภูมินั้น

ได้อีก โดยวิธีการดังนี้

การย้ายแผนภูมิ ให้เลื่อนเมาส์ไปตรงพื้นที่แผนภูมิ ตรงบริเวณที่เป็นสีขาวว่าง ๆ ในแผนภูมิ

โดยไม่ให้ถูกส่วนอื่น ๆ แล้ว คลิกเมาส์ค้างไว้ เมาส์จะเปลี่ยนเป็นรูปลูกศรสี่ทิศ ลากเมาส์

มายังตำแหน่งที่ต้องการบนแผ่นงาน แล้วปล่อยเมาส์


 
การเปลี่ยนขนาดแผนภูมิ ให้คลิกที่ แฮนเดิล ของแผนภูมิด้ารที่ต้องการจะเปลี่ยนขนาด

แล้วลากเมาส์ เพื่อจะขยายหรือย่อขนาดของแผนภูมิ

การเปลี่ยนชนิดแผนภูมิ
 
แผนภูมิที่เราสร้างขึ้นมาแล้ว เราสามารถปรับเปลี่ยนชนิดของแผนภูมิได้อีก โดยวิธีการดังนี้

การเปลี่ยนชนิดแผนภูมิ คลิกที่แผนภูมิที่ต้องการจะเปลี่ยนชนิดแผนภูมิขึ้นมา แล้วคลิกที่

เมนู
แผนภูมิ > ชนิดแผนภูมิ > คลิกเลือกรูปแบบแผนภูมิที่ต้องการ แล้วคลิกปุ่ม ตกลง


6/25/2554

ต่อคอม ออก 2 จอ Thinkpad แสดงผลแบบ Multi Display โอ้ว อย่างเทพ !!

จริงๆแล้วการ Windows เพื่อแสดงผลแบบหลายจอ นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่นะครับมันทำกันมาตั้งนานแล้ว ด้วยว่า เมื่อก่อนการต่อจอแสดงผลเพิ่ม อาจจะดูเป็นการฟุ่มเฟือยเกินไป แต่ปัจจุบันนี้ ราคาจอแสดงผลต่างๆถูกลงมาก
การใช้งานแบบหลายหน้าจอ จึงเริ่มมีความนิยมมากขึ้น บทความนี้ผมเลยจะขอเสนอวิธีการใช้งานและ Software ที่ช่วยทำงาน เพื่อให้คุณรู้ว่าที่เค้าเรียกว่า เทพ มันเป็นยังไง

เริ่มต้นด้วยแบบพื้นฐานแบบ Dual Display

การทดลองนี้ผมใช้ Thinkpad R52 ลง Windows XP ไว้เดิมๆเลยครับ อันดับแรก เจ้า Notebook ของคุณต้องมี Port VGA เพื่อต่อแสดงผลจอที่ 2 ได้แบบ Dual Display
อันนี้โดยปกติจะมีอยู่ทุกเครื่องอยู่แล้วเพราะส่วนใหญ่การใช้งาน Notebook จะต้องกับ Projector เพื่อนำเสนอผลงาน ฉะนั้น Port VGA จึงแทบจะติดมาทุกเครื่องอยู่แล้ว
ต่อสายจอแสดงผลแบบ VGA เข้ากับ Notebook
จากภาพผมต่อจอ CRT Philips 17 นิ้วเข้ากับ Thinkpad R52 เป็นสายต่อแบบ VGA ปกติครับ
แบบว่าโบราณครับยังใช้จอ CRT อยู่แต่มันยังไม่พังก็เลยใช้ต่อไป
เสร็จแล้วเลือก Display Properties
จะเจอหน้าจอ Display เพิ่มขึ้นมา
คุณจะเจอหน้าจอที่เสียบเพิ่มเข้ามาแล้ว ต่อไปก็
ให้เลือกหน้าจอที่ 2 ทำงาน
ให้เลือก Extend my Windows desktop .. เพื่อเปิดให้หน้าจอที่ 2 ทำงานเมื่อคุณกด OK ก็จะได้ดังภาพนี้

คุณจะสามารถใช้หน้าจอที่ต่อเพิ่มขึ้นมาได้ทันที คลิกที่รูปเพื่อดูรูปเต็มๆเหลือดูจาก Clip Video แสดงตัวอย่างนี้ครับ


มาดูการต่อแสดงผลหลายจอแบบ Advance ต่อเลยครับ

แค่ต่อหลายจอมันเด็กๆครับ ต้องมีการจัดการที่ดีด้วย หากคุณได้ลองต่อใช้งานดูซักพักจะพบปัญหาที่สะกิดใจอยู่คือ
1. มันไม่มี taskbar ตามต่อไปให้จอที่สอง เวลาปิดเปิด Program มันจะมารวมกันอยู่ที่หน้าจอหลัก ทำให้ทุกๆครั้งจะต้องวิ่งกลับมากดที่หน้าจอหลักทุกครั้ง
2. มันเปลี่ยน Wallpaper เฉพาะจอไม่ได้ ต้องตั้งให้เหมือนกันทั้งสองจอ
เพื่อความสมบูรณ์ผมจึงขอนำเสนอ Software เพิ่มเติมครับ มันชื่อว่า Ultramon ครับ
Website Realtime Soft ที่ให้ Download Ultramon
ไป Download เจ้า Ultramon นี้ได้ที่ http://www.realtimesoft.com/ultramon/
แล้วเจ้า Ultramon มันมีดียังไง ล่ะ
1. มันจะขยาย Taskbar ออกไปให้ตามจำนวนหน้าจอที่เพิ่มขึ้นมา
2. จัดการ Wallpaper ได้เป็นรายหน้าจอเลยเลือกไม่ต้องเหมือนกันก็ได้
3. เพิ่มปุ่มในการส่งหน้าต่าง Program ไปหาหน้าจออื่นๆได้
เจ้า Ultramon นี้เป็น Trial Software นะครับลองใช้กันดูก่อน 30 วันถ้าติดใจค่อยหาซื้อกันได้ หรือจะ Trial ไปเรื่อยๆ ด้วยเจ้า Revouninstaller ก็ตามสะดวกครับ :P
ภาพระหว่างติดตั้ง UltraMon
ภาพระหว่าง Install Ultramon ครับ ถ้าใช้แบบ Trial ก็ไม่ต้องกรอกอะไรกด Next ไปเลย
รูปแสดง Taskbar เพิ่มขึ้นมาอีกหน้าจอ
คลิกที่รูปดูรูปใหญ่ครับ จะเห็นมี TaskBar โผล่ขึ้นมาอีกหน้าจอแล้ว
หรือดูจาก Clip Video ที่จับภาพมาให้ดูครับ Clip ไม่ค่อยชัดแฮะ -__- แต่จะแสดงให้เห็นว่า taskbar ที่เพิ่มขึ้นมาทำงานอิสระเป็นรายหน้าจอเลย


 
เจ้าปุ่มที่ผมบอกว่ามันจะเพิ่มเข้ามาคือ 2 ปุ่มนี้ครับ เอาไว้สำหรับ ส่งหน้าต่าง Program ไปอีกหน้าจอนึง กับ ขยายขนาดขอหน้าต่าง Program เต็มพื้นที่แสดงผล คือมีพื้นที่ 2 จอ ก็จะแสดงเต็ม 2 จอเลย
การ Setup Wallpaper
คลิกขวาที่ตัว Ultramon แล้วเลือก Wallpaper มันจะให้เราจัดการภาพ Wallpaper ตามใจเรา
เลือก Wallpaper ให้แสดงผลแตกต่างกันได้
เลือก Wallpaper ให้แสดงผลแตกต่างกันได้

เรียบร้อยคุณก็จะสามารถใช้งานหน้าจอแบบไม่เชยแล้วเปลี่ยน Wallpaper ตามใจชอบได้เลย

แค่ Advance ยังไม่พอต้องเทพได้อีกแบบ Multi Display ครับ

เนื่องจากที่บ้าน ผมมี PC อยู่เครื่องนึงอยู่แล้วปกติเจ้าเครื่องนี้จะเปิดเอาไว้ดูทีวี และสั่งงาน Process ต่างๆเอาไว้บางครั้งก็ไม่ได้เปิดทีวีเปิดเครื่องทิ้งเฉยๆ ถ้าเราสามารถเอาพื้นที่หน้าจอ มาใช้ทำงานได้ และควบคุมจาก Thinkpad ได้คงดีแฮะ
ไม่ฮา ไม่บ้าครับ มีวิธีทำแบบนั้นจริงๆ ด้วย นั้นคือการใช้ Software ประเภท Multi Monitor Software ที่ผมเอามาเล่นนี่ก็คือ MaxiVista ครับ
Website ของ Maxivista
Website ของ MaxiVista http://www.maxivista.com/ ไป Download มาติดตั้งซะ
มันคืออะไร เจ้า MaxiVista นี้มันคือ Software ที่ดึงพื้นที่แสดงผลเป็นข้อมูลส่งผ่านเป็น Data ทำงานแบบ Client Server ครับ
คือที่เครื่องหลัก (Thinkpad) ลงตัว MaxiVista Server ไว้ ตัวเครื่องรอง (PC) ก็ลงตัว Viewer เอาไว้ ทั้งสองเครื่องต่อ Network ให้เห็นกัน
เจ้า Software ทั้งคู่จะทำการเชื่อมต่อกัน และดึงพื้นที่การแสดงผลของตัว Viewer ออกมาให้เราใช้งานได้
เสมือนคุณลาก Mouse จากเครื่องหลัก ทะลุไปหาเครื่องรองได้เลย ... งงแน่ๆ ดูรูปประกอบครับ

เนื่องจากเจ้า MaxiVista นี้ใช้ Bandwidth ของ Network สูงมาก (เพราะมันแปลงภาพเป็นข้อมูลวิ่งไปมาในวง Network) ฉะนั้นผมจึงใช้การต่อ Lan ธรรมดาแทนการใช้ Wireless
ต่อ Lan เข้ากับ Thinkpad
เมื่อผมติดตั้ง Software เรียบร้อยแล้ว ก็จะได้การใช้งานดัง Clip Video ที่แสดงให้เห็นครับ โคตรเทพเลย ฮา

เจ้าตัว MaxiVista นี้ยังทำงานใน Mode Remote ได้ด้วยคือคุณสามารถใช้ Keyboard และ Mouse ลากไปทำงานข้ามหน้าต่างของ PC ได้เลยสะดวกโคตรๆ
เจ้า MaxiVista ยังสามารถทำงานร่วมกับ Ultramon ได้อีกด้วย

แสดงการ Set Wallpaper ของ UltraMon แม้จะเปิด MaxiVista ไว้เพื่อดึงหน้าจอที่ 3 จะเห็นว่า
ก็สามารถทำงานได้ตามปกติ
สรุปแล้วด้วยเจ้า MaxiVista นี้ทำให้ผมลากพื้นที่จอทุกจอดึงออกมาเรียกใช้งานได้เต็มที่ ... ถ้าผมใช้หมดนะฮา
ปัญหาอย่างเดียวของเต้า MaxiVista คือผมยังไม่สามารถใช้งานบน Windows Vista ได้เข้าใจว่าผมเองที่ Setup ไม่เป็น ถ้าใครลองแล้วใช้งานได้ช่วยแจ้งกันด้วยนะครับ

สรุป

การแสดงผลแบบหลายจอนี้ คงจะช่วยให้ทุกๆคนเอาความสามารถและใช้งานคอมพิวเตอร์ของตัวเองได้อย่างเต็ม ที่ หากใครได้เคยใช้มาแล้วจะติดใจชนิดที่ว่า ยอมเสียเงินซื้อจอเพิ่มแน่นอน
ปล. ระวังคนรอบข้างด้วย เค้าอาจจะมองแปลกๆ ว่าเราเป็นคนบ้า นั่งหน้าคอมหลายๆจอหันซ้ายทีขวาที ฮาๆ

อ้างอิง

Ultramon
http://www.realtimesoft.com/ultramon/
MaxiVista
http://www.maxivista.com/

6/24/2554

มารู้จักกับ E-Book

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book)


กว่าจะมาเป็น e-Book
            หนังสือที่มีอยู่โดยทั่วไป จะมีลักษณะเป็นเอกสารที่จัดพิมพ์ด้วยกระดาษ แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของ  ยุค สมัย และความเปลี่ยนแปลงด้านเล็กทรอนิกส์ ที่มีการพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มีการคิดค้นวิธีการใหม่โดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย จึงได้นำหนังสือดังกล่าวเหล่านั้นมาทำคัดลอก (scan) โดยที่หนังสือก็ยังคงสภาพเดิมแต่จะได้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นแฟ้มภาพ ขึ้นมาใหม่ วิธีการต่อจากนั้นก็คือจะนำแฟ้มภาพตัวหนังสือมาผ่านกระบวนการแปลงภาพเป็นตัว หนังสือ (text) ด้วยการทำ OCR (Optical Character Recognition) คือการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อแปลงภาพตัวหนังสือให้เป็นตัวหนังสือที่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้
           การถ่ายทอดข้อมูลในระยะต่อมา จะถ่ายทอดผ่านทางแป้นพิมพ์ และประมวลผลออกมาเป็นตัวหนังสือและข้อความด้วยคอมพิวเตอร์ ดังนั้นหน้ากระดาษก็เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นแฟ้มข้อมูล (
files) แทน ทั้งยังมีความสะดวกต่อการเผยแพร่และจัดพิมพ์เป็นเอกสาร (documents printing) รูปแบบของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยุคแรกๆ มีลักษณะเป็นเอกสารประเภท .doc, .txt, .rtf, และ .pdf ไฟล์ ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาภาษา HTML (Hypertext Markup Language) ข้อมูลต่างๆ ก็จะถูกออกแบบและตกแต่งในรูปของเว็บไซต์ โดยในแต่ละหน้าของเว็บไซต์เราเรียกว่า "web page" โดยสามารถเปิดดูเอกสารเหล่านั้นได้ด้วยเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ซึ่งเป็นโปรแกรมประยุกต์ที่สามารถแสดงผลข้อความ ภาพ และการปฏิสัมพันธ์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

    
เมื่ออินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมมากขึ้น บริษัทไมโครซอฟต์ (Microsoft) ได้ผลิตเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาเพื่อคอยแนะนำในรูปแบบ HTML Help ขึ้นมา มีรูปแบบของไฟล์เป็น .CHM โดยมีตัวอ่านคือ Microsoft Reader (.LIT) หลังจากนั้นต่อมามีบริษัทผู้ผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์จำนวนมาก ได้พัฒนาโปรแกรมจนกระทั่งสามารถผลิตเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ออกมาเป็นลักษณะ เหมือนกับหนังสือทั่วไปได้ เช่น สามารถแทรกข้อความ แทรกภาพ จัดหน้าหนังสือได้ตามความต้องการของผู้ผลิต และที่พิเศษกว่านั้นคือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ สามารถสร้างจุดเชื่อมโยงเอกสาร (Hypertext) ไป ยังเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกได้ อีกทั้งยังสามารถแทรกเสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ลงไปในหนังสือได้ โดยคุณสมบัติเหล่านี้ไม่สามารถทำได้ในหนังสือทั่วไป 
ความหมายของ e-Book
        “อีบุ๊ค” (e-book, e-Book, eBook, EBook,) เป็นคำภาษาต่างประเทศ ย่อมาจากคำว่า electronic book หมาย ถึง หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์        คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงจุดไปยังส่วนต่างๆ ของหนังสือ เว็บไซต์ต่างๆ ตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับผู้เรียนได้ นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถแทรกภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ได้ อีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่มีในหนังสือธรรมดาทั่วไป
โปรแกรมที่นิยมใช้สร้าง e-Book
โปรแกรมที่นิยมใช้สร้าง E-Book มีอยู่หลายโปรแกรมแต่ที่นิยมใช้กันมาในปัจจุบันได้แก่1. โปรแกรมชุด Flip Album
2. โปรแกรม
DeskTop Author
3. โปรแกรม
Flash Album Deluxe
     ชุดโปรแกรมทั้ง 3 จะต้องติดตั้งโปรแกรมสำหรับอ่าน
e-Book
ด้วย มิฉะนั้น แล้วจะเปิดเอกสารไม่ได้ ประกอบด้วย
1.1 โปรแกรมชุด
Flip Album ตัวอ่านคือ FlipViewer

1.2 โปรแกรมชุด
DeskTop Author ตัวอ่านคือ DNL Reader
1.3 โปรแกรมชุด
Flash Album Deluxe ตัวอ่านคือ Flash Player                      

ความแตกต่างของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) กับหนังสือทั่วไป
  ความแตกต่างของหนังสือทั้งสองประเภทจะอยู่ที่รูปแบบของการสร้าง การผลิตและการใช้งาน เช่น
1. หนังสือทั่วไปใช้กระดาษ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช้กระดาษ
2. หนังสือทั่วไปมีข้อความและภาพประกอบธรรมดา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สามารถสร้างให้มี
    ภาพเคลื่อนไหวได้
3. หนังสือทั่วไปไม่มีเสียงประกอบ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถใส่เสียงประกอบได้
4. หนังสื่อทั่วไปแก้ไขปรับปรุงได้ยาก หนังสื่ออิเล็กทรอนิกส์สามารถแก้ไขและปรับปรุงข้อมูล 
    (
update)
ได้ง่าย
5. หนังสือทั่วไปสมบูรณ์ในตัวเอง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างจุดเชื่อมโยง (
links)
ออก
   ไปเชื่อมต่อกับข้อมูลภายนอกได้
6. หนังสือทั่วไปต้นทุนการผลิตสูง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนในการผลิตหนังสือต่ำ 
    ประหยัด
7. หนังสือทั่วไปมีขีดจำกัดในการจัดพิมพ์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไม่มีขีดจำกัดในการจัดพิมพ์
    สามารถทำสำเนาได้ง่ายไม่จำกัด
8. หนังสือทั่วไปเปิดอ่านจากเล่ม
 
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต้องอ่านด้วยโปรแกรม ผ่านทาง
   หน้าจอคอมพิวเตอร์
9. หนังสือทั่วไปอ่านได้อย่างเดียว หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นอกจากอ่านได้แล้วยังสามารถ
   สั่งพิมพ์ (
print)
ได้
10. หนังสือทั่วไปอ่านได้1 คนต่อหนึ่งเล่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 1 เล่ม สามารถอ่านพร้อมกัน 
    ได้จำนวนมาก (ออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต)
11. หนังสือทั่วไปพกพาลำบาก (ต้องใช้พื้นที่) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์พกพาสะดวกได้ครั้งละ
    จำนวนมากในรูปแบบของไฟล์คอมพิวเตอร์ใน
Handy Drive หรือ CD

12. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม       

โครงสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book Construction)
     ลักษณะโครงสร้างของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีความคล้ายคลึงกับหนังสือทั่วไป ที่พิมพ์ด้วยกระดาษ หากจะมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนก็ คือ กระบวนการผลิต รูปแบบ และวิธีการอ่านหนังสือ    

สรุปโครงสร้างทั่วไปของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย
1. หน้าปก (Front Cover)

 หมายถึง ปกด้านหน้าของหนังสือซึ่งจะอยู่ส่วนแรก เป็นตัวบ่งบอกว่า หนังสือ
เล่มนี้ชื่ออะไร ใครเป็นผู้แต่ง

2. คำนำ (Introduction)
      
หมายถึง คำบอกกล่าวของผู้เขียนเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูล และเรื่องราวต่างๆ ของหนังสือเล่มนั้น 
3. สารบัญ (Contents)
     
หมาย ถึง ตัวบ่งบอกหัวเรื่องสำคัญที่อยู่ภายในเล่มว่าประกอบด้วยอะไรบ้างอยู่ที่หน้า ใดของหนังสือ สามารถเชื่อมโยงไปสู่หน้าต่างๆ ภายในเล่มได้  

4. สาระของหนังสือแต่ละหน้า หมายถึง ส่วนประกอบสำคัญในแต่ละหน้า ที่ปรากฏภายในเล่มประกอบด้วย   
            • หน้าหนังสือ (Page Number)
           
ข้อความ (Texts)
           
ภาพประกอบ (Graphics) .jpg, .gif, .bmp, .png, .tiff
           
เสียง (Sounds) .mp3, .wav, .midi
           
ภาพเคลื่อนไหว (Video Clips, flash) .mpeg,   .wav,   .avi
            จุดเชื่อมโยง (Links) 
5. อ้างอิง หมายถึง แหล่งข้อมูลที่ใช้นำมาอ้างอิง อาจเป็นเอกสาร ตำรา หรือ เว็บไซต์ก็ได้
6. ดัชนี หมายถึง การระบุคำสำคัญหรือคำหลักต่างๆ ที่อยู่ภายในเล่ม โดยเรียงลำดับตัวอักษร
    ให้สะดวกต่อการค้นหา พร้อมระบุเลขหน้าและจุดเชื่อมโยง
7. ปกหลัง หมายถึง ปกด้านหลังของหนังสือซึ่งจะอยู่ส่วนท้ายเล่ม

บทความนี้เขียนโดย ดร.ไพฑูรย์ ศรีฟ้า ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา ม.เกษตรศาสตร์
อ้างอิงจากหนังสือ "กลยุทธ์การผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบมืออาชีพ"
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ e-Book ศึกษาได้จากเว็บไซต์  www.drpaitoon.com

6/13/2554

How To : Photoscape (โปรแกรมแต่งรูปสุดเจ๋ง) 2

How To : Photoscape (โปรแกรมแต่งรูปสุดเจ๋ง) 1
ต่อไปเรามาว่ากันที่เมนู Page กันบ้างค่ะ

อันนี้มีไว้สำหรับ Mix รูปเอาไว้ในเฟรมเดียวได้เลยนะคะ ^^
ขั้นตอนที่แสนง่ายยยย มาดูกันเลย ^^

รู้จักแถบเครื่องมือด้านขวากันก่อน
เมื่อเลือก Layout ที่ต้องการได้แล้ว เราก็ต้องกำหนด ไซส์ กว้างยาวของรูปกันก่อนค่ะ

ปรับแต่งได้ตามใจตามรูปภาพเลยค่ะ ^^
แต่เราชอบใช้ 3:4 อิอิ



เมื่อคลิกขวา ที่ช่องของ Layout ที่เราต้องการแล้วจะเป็นอย่างนี้ค่ะ
เป็นการตั้งค่า ปรับแสงแต่งสี ได้ง่ายๆ ตามใจเราเลยจ้า
เมื่อเราคลิกที่ปุ่ม Frame ที่แถบเมนูด้านขวา เพื่อเลือกกรอบแบบที่เราชอบแล้ว
ก็จะได้กรอบที่เราเลือก อยู่ในทุกช่อง ทุกรูปใน Layout ที่เราเลือก
ส่วนถ้าอยากได้กรอบต่างกัน ก็คลิกขวาที่ช่องนั้นๆ แล้วเลือก Assign Frame ค่ะ
แค่นั้นเราก็เลือกเฟรมที่ชอบ แบบต่างกันทุกๆ ช่องแบบไม่เหมือนใครได้แล้วจ้ะ

อันนี้เลือกที่จะทำแต่ละช่องแบบสีไม่เหมือนกันนะคะ
ซึ่งเราทำได้เลยนะ ในแต่ละช่อง คลิกขวาแล้วแต่งตามเครื่องมือที่อธิบายไว้ตามรูปด้านบนได้เลยค่ะ

เสร็จแล้วก็เซฟได้เลย ง่ายมากมาย

ตอนนี้สั้นนิดเดียวเองงงงงงงงงงงงงงงง
แต่ลืมคิดไปว่า ลืมสอนให้เปลี่ยนโทนสีรูปเป็นซีเปีย เป็นขาวดำ ในส่วน Editor
ว๊าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ลืมสนิทเลย
เอาเป็นว่า จะมาสอนใหม่ในหน้าต่อไปที่เป็นส่วนของการ Capture หน้าจอแล้วกันเนอะ
จะแถมเอาไว้ตรงนั้น ^^
How To : Photoscape (โปรแกรมแต่งรูปสุดเจ๋ง) 1

จาก
http://webboard.yenta4.com/topic/225758

How To : Photoscape (โปรแกรมแต่งรูปสุดเจ๋ง) 1

วันนี้จะแนะนำโปรแกรมที่ น่าใช้ สำหรับเพื่อนๆ น้องๆ ที่ชอบแต่งรูปใส่ในไดอารี่ออนไลน์เป็นชีวิตจิตใจ ไม่ต้องพึ่งโฟโต้ช๊อปขาใหญ่เค้า.. โปรแกรมนี้ชื่อ PhotoScape นะคะ.. เอามาจากครูหมูแห่งบ้าน AF เอ้ยยยยย สอนวิธีการใช้งานโดย มู๋ต๋า ค่ะ (พี่ก๊อปมาทั้งยวงเลยฮ่ะ)
งานนี้ ก็ขอขอบใจนายแบบหนุ่มน้อยสุดหล่อนามว่า นู๋วิกเตอร์ ด้วยนะจ๊ะ
ครู Muu~TaH กรุณาแนะนำการใช้งานไว้ดังเน้... 
PhotoScape มีดีที่ใช้ง่าย แถมยัง Mix รูปหลายๆ รูป เอาไว้ได้ในเฟรมเดียว , รีไซส์ก็ได้ แต่งแสงแต่งสี, ทำซีเปีย, ทำขาวดำ, แคปหน้าจอแบบไฮโซ เลือกได้ว่า จะแคปแบบเต็มเฟรม หรือว่าแบบเฉพาะหน้าต่าง แบบไม่ติด TaskBar ด้วย
รวมไปถึงทั้ง Rename เป็นไฟล์ที่เป็น Raw File ก็ได้ด้วย , แถมเปลี่ยนจาก Raw ให้เป็น JPG ก็ยังได้ด้วยนะ , แถมทำภาพเคลื่อนไหวได้ด้วย เหมือน imageready โอวว พระเจ้าจอร์ช  โปรแกรมนี้ทำได้หมดเลย สารพัดประโยชน์มากมาย แถมไฟล์ยังเล็กแค่ 10 MB เอง ไม่หนักเครื่อง โหลดไวปุ๊บปั๊บ ^^
พอดาวโหลดแล้วติดตั้งเรียบร้อย เราก็มาเริ่มรู้จักโปรแกรม PhotoScape กันเลย
ไอค่อนหน้าจอเป็นแบบนี้นะก๊ะ ^^
คลิกปุปเราจะเจอแบบนี้
แต่จะทำ How To แค่ไม่กี่เมนูนะคะ
เพราะว่าเหนื่อยโฮกกกก เวลาทำ How To
ทั้งต้องแคพ ทั้งต้องเขียนคำอธิบาย
แต่พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
พยายามทำให้เข้าใจง่ายและละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้จ้ะ ^^
ไม่อยากจะให้แค่ดูรูปเฉยๆ นะคะ
อยากให้อ่านคำอธิบายอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยจ้า ^^
โปรแกรม Edit รูป แต่งรูปโดยทั่วไป
รวมรูปหลายๆ รูปไว้ใน Page เดียว
ไม่ต้องพึ่งใครมาแคพหน้าจอให้อีกแล้ว!!!!
วันนี้จะเขียนเกี่ยวกับเมนู Editor ก่อนนะคะ
นั่นคือ รีไซส์,แต่งแสง,แต่งสี,ทำลูกเล่นกับพื้นผิวภาพ โอยสารพัด!!

แนะนำเครื่องมือ ด้านขวามือริมหน้าจอในโปรแกรมกันก่อนค่ะ
คร่าวๆ ก็ตามนี้
ถ้าอ่านเข้าใจแล้ว ก็ไปลุยกันเลย!!!!!
เลือกคลิกที่ Editor นะคะ
ตอนนี้เราอยู่ในโหมด Editor กันแล้ว
เลือกรูปที่เราจะเอามาแต่ง จากโฟลเดอร์ที่แสดงทางซ้ายมือได้เลยค่ะ
ในกรณีที่ภาพที่เราเปิดมาเป็นแนวนอน
หรือว่ากลับหัวอะไรแบบนี้ ให้เราใช้ Rotate คือกลับหัวภาพให้อยู่ในสภาพปกติก่อนค่ะ ^^
แถบสถานะจะบอกขนาดไซส์ ของรูป Original ที่เราเปิดมาค่ะ
คลิกที่ลูกศรตรงปุ่ม Resize เพื่อที่จะเลือกขนาดรูปภาพค่ะ
ตามตัวอย่าง จะเอารูปมาใส่ในไดอารี่ที่ Yenta4 ที่มีขนาด Body ของเนื้อหาไดอารี่
ขนาด 515px เพราะฉนั้นเลยเลือกรีไซส์ที่ความกว้าง 400px ค่ะ
พอคลิกรีไซส์ปุ๊ป แถบสถานะจะบอกเราทันทีว่า ขนาดของรูปภาพของเราคือ 300x400 px
นี่คือรูปที่รีไซส์เฉยๆ ยังไม่ได้แต่งค่ะ
แค่นี้เอง รีไซส์ จบไปแล้ว ง่ายมากๆๆๆ เลยใช่มั้ยยยย
---------------------------------------------------------------------------------------
ต่อไป เราจะมาเริ่มแต่งรูปกันนิดๆ หน่อยๆ พอสังเขปนะคะ
อยากให้ภาพสว่างขึ้นอีกนิด
ก็ไปที่ Bright,Color แล้วเลือก Brighten เลยค่ะ
อยากจะสว่างแค่ไหนก็เอาเลยยย สว่างน้อย กลาง มาก ตามลำดับไปค่ะ
Darken คือปรับให้มืดลงค่ะ
ส่วน Deepen คือให้รายละเอียดของภาพคมชัดขึ้นอีกนิดหน่อยค่ะ
อันนี้ปรับให้สว่างหน่อยนึงแล้ว ^^
ปรับให้ซอฟท์ เหมือนแบลอๆ
อันนี้แอบเรียก(คนเดียว) ว่า เป็น "ภาพในฝัน"
เหมือนใส่ Filter Soft ยังไงยังงั้นเลย
ตัวนี้เลือกแค่กลางๆ ก็พอค่ะ แต่ถ้าชอบวิ้งมากก็เอา High ไปเลยยย
พอแต่งจนพอใจ วิ้งมาก วิ้งน้อย จนพอใจแล้ว
เราก็เอารูปมาใส่กรอบน่ารักๆ กันเลย
เลือกกรอบจาก Frame ที่มีให้เลือกล้านแปดแสนแบบ ฮ่าฮ่า
พอเราเลือกกรอบที่ชอบได้แล้ว
รูปเราจะมีไซส์ใหญ่กว่าปกตินิดหน่อยค่ะ
คือเราตั้งสูงไว้ 400 มันก็จะสูงกว่านั้น
รีไซส์อีกทีเพื่อป้องกันธีมแหกกระจุย
จะได้แบบนี้!!!!!!!!!
เห็นไหมง่ายนิดเดียวเอง
แค่นี้ก็ได้กรอบเก๋ๆ แล้ว ^^
---------------------------------------------------------------------------------------
ทีนี้เรามาเพิ่มลูกเล่นกัน
เช่น ใส่คำพูด,ใส่ตัวตุ๊กตาน่ารักๆ
คลิกเลือกแถบจาก Home มาเป็น Object ค่ะ
คลิกตรงไอค่อยรูปภูเขาเพื่อแทรกรูปลงไป
รูปจะมีมาให้ในโปรแกรมด้วยค่ะ ส่นใหญ่ก็จะใช้รูปการ์ตูนนี่แหละ
กวนดี และเหมาะกับวัย(กลับ) ฮ่าๆๆๆ
จะขึ้นไอค่อนการ์ตูนมากมายรอเราเอามายำ ยำ ยำ ยำ ค่ะ ^^
พอเลือกรูปที่ต้องการได้แล้ววววววววววววว
ก็จะเป็นเช่นนี้ค่ะ
คำอธิบายอยู่ในรูปค่ะ ^^
เราสามารถ หมุน วาง ย้าย ได้ง่ายมากๆ เลยจ้า
อยากย้ายไปวางตรงที่ชอบ ก็ คลิกแล้วลากไปวางเลย ง่ายนิดเดียว
จบเรื่องแทรกรูปการ์ตูนน่ารักๆ!!
ง่ายมั้ยยยยยยยยยยยยยย
ถ้าเป็นโฟโต้ชอบจะไม่ง่ายแบบนี้
อธิบายกันยาวยืดดดดดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
---------------------------------------------------------------------------------------
ต่อไปเป็นการ เขียนข้อความลงไปในภาพของเรา
คลิกที่เครื่องมือรูปตัว T แล้วจะขึ้นมาเป็นแบบนี้ค่ะ
เราก็พิมพ์ข้อความ,เลือกสี ,เปลี่ยนฟ้อนต์ ได้จากตรงนี้เลยค่ะ
สามารถย้าย และหมุน ได้เหมือนกับการแทรกรูปภาพทุกประการค่ะ
พอใจแล้วก็ Save เลย!!!
เลือกคุณภาพของรูปที่ต้องการเซฟค่ะ
เรียบร้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย~
วันนี้หมดแค่บท Editor ก่อนนะคะ
 จาก
http://webboard.yenta4.com/topic/225757