3/24/2554

ตู้เก็บ เอกสาร ฟรีแวร์ครับ ไม่ต้องห่วงลิขสิทธิ์

ตู้ เก็บเอกสารแห่งนี้ มีไฟล์มากมายให้ท่านได้เลือกโหลด อัพเดทเรื่อยๆนะครับ โปรแกรมทั้งหมดถูกบีบอัดไว้ด้วยโปรแกรม 7zip ดาวน์โหลดโปรแกรมไปติดตั้งไว้ก่อนแล้วค่อยโหลดไฟล์ เพื่อจะได้ใช้โปรแกมแตกไฟล์ออกมาใช้ได้นะครับ ฟรีแวร์ครับ ไม่ต้องห่วงลิขสิทธิ์
CW.zip
ดาวน์โหลด
ยาแก้ไอ  8883 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 1 8 ก.พ. 2554, 13:41 Abhidej Kannak
 ข้อ สอบ
แนวข้อสอบ กพ 53.7z
ดาวน์โหลด
แนวข้อสอบ กพ 53 ได้มาตั้งแต่ต้นปีละ เพิ่งจะได้เอามาให้โหลด เครดิต Thailocal ชุมชนคนท้องถิ่น ขอให้สอบได้กันทุกคน  1496 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 2 9 ก.ค. 2553, 20:48 Abhidej Kannak
ภาค ก.7z
ดาวน์โหลด
ข้อสอบ ภาค ก มาใหม่ 2553 ขอให้สอบได้กันทุกคนนะครับ  5971 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 3 9 ก.ค. 2553, 11:31 Abhidej Kannak
 โปรแกรม ฟรี
7zip.zip
ดาวน์โหลด
โปรแกรมที่ใช้บีบอัดไฟล์ ความสามารถไม่แพ้ วินซิป วินราร์  1029 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 2 9 ก.ค. 2553, 10:02 Abhidej Kannak
Autoshutdown.zip
ดาวน์โหลด
โปรแกรมตั้งเวลาปิดเครื่อง ใช้กับวินโดวส์ เอ็กพี ใช้ดีมาก เป็นภาษาไทยด้วย  2418 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 2 9 ก.ค. 2553, 10:12 Abhidej Kannak
CPU_Z_154.zip
ดาวน์โหลด
โปรแกรมตรวจสอบระบบของ ซีพียู ทั้งยังสามารถตรวจสอบรุ่น เมนบอร์ด แรม ได้อีกด้วย  3186 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 2 9 ก.ค. 2553, 10:06 Abhidej Kannak
GOMPLAYERENSETUP.zip
ดาวน์โหลด
โปรแกรมดูหนัง ได้เกือบทุกไฟล์ ที่สำคัญฟรี  6974 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 2 9 ก.ค. 2553, 10:19 Abhidej Kannak
GPU-Z.zip
ดาวน์โหลด
โปรแกรมตรวจสอบ การ์ดจอของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานอยู่ครับ  412 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 2 9 ก.ค. 2553, 10:19 Abhidej Kannak
PhotoScapeSetup_V3.5.zip
ดาวน์โหลด
โปรแกรมแต่งรูปภาพ ที่ฟรีและใช้งานง่าย เป็นภาษาไทยด้วย สุดยอดโปรแกรมแต่งภาพอีกตัวที่ความสามารถเกินตัว เอาไปลองกันดูครับ เจ๋งจริง  16735 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 2 5 ส.ค. 2553, 10:14 Abhidej Kannak
PICASA3.zip
ดาวน์โหลด
โปรแกรมจัดการรูปภาพของ Google ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ต้องเสียตัง  9631 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 2 9 ก.ค. 2553, 11:32 Abhidej Kannak
QQIntl_Beta3.zip
ดาวน์โหลด
โปรแกรมแซทยอดนิยม ทั่วโลก  17588 กิโลไบต์ เวอร์ชัน 2 5 ส.ค. 2553, 9:26 Abhidej Kannak
TimeStopper.zip
ดาวน์โหลด
โปรแกรมฟรีที่ดีที่สุดอีก โปรแกรมหนึ่ง เป็นโปรแกรมที่เอาไว้ใช้หยุดเวลา ของการใช้โปรแกรมรุ่นทดลองใช้ ลองเอาไปใช้ดูครับแล้วจะรู้ว่า เจ๋ง  845 กิโ

3/17/2554

แก้ปัญหา ระบบ Network ช้า ทำงัยได้บ้าง ?

ที่ทำงานใช้ระบบ Network แต่ไม่รู้ทำมัยช่วงหลังเอื่อยมากๆ กว่าจะเข้าไปใน My Network ช้ามาก แล้วไหนจะต้องรอเกือบ 15 นาที กว่าจะโชว์ List
ต้องทำงัยถึงจะเร็วอะ เพราะทำงานแบบต้องดึงไฟล์จากคนอื่นมาใช้อยู่บ่อยๆ ไม่ทันใจวัยสะรุ่นเลย ฝากถามกูรูทั้งหลาย ช่วยตอบหน่อยได้มั้ยคับ * ขอบคุณล่วงหน้าจ้า
===================================
ผมเดาว่าไม่มี server เป็น domain ใช่ไหมล่ะครับ การเปิด My Network ช้าผมว่ามีอยู่ 2-3 สาเหตุนะ
1) แต่ละเครื่องไม่ได้เป็น Workgroup เดียวกัน
2) หากเปิด Firewall แต่ละเครื่อง ใน Firewall ตรง Exceptions ต้อง ติ๊กถูกที่ File and Printer Sharing ด้วย
3) อาจมีไวรัส

ส่วนทำให้เปิด My Network ได้เร็วขึ้นก็พอมีเทคนิคอยู่ครับ

ผมไปดูใน Web ของ Microsoft มาแล้วในหัวข้อ

Browsing the My Documents folder on a network share with Windows Explorer from a Windows XP-based computer takes longer than expected


มันบอกว่าอาจะช้าผิดปรกติหาก ใช้ Microsoft Windows XP-based computer
วิธีแก้ปัญหาของ Microsoft มีดังนี้ครับ
1) Service pack เป็น XP SP2
2) install update rollup 871260 or hotfix 840309

file desktop.ini ในเครื่องก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ค้นหามันแล้วลบก็ได้ แต่จะลบควร copy ไว้ก่อนก็ดีครับ
ให้ลบ พวก icon ของเครื่องต่างๆใน My network place ออกให้หมด แล้วลองเปิดใหม่ครับ
พวก icon ล่ะผมว่าเป็นเหตุสำคัญทำให้เปิดช้า ลบได้ครับ ไม่มีอะไรเสียหายเลย ลองดูครับ ว่าได้ไหม

Network ช้ามากๆ

ในที่ทำงานของผม ไม่ทราบว่า network เป็นอะไรอ่ะครับ
อาทิตย์นี้ copy file ใน network ช้ามากๆ เลยครับ แค่ไม่กี่เมกใช้เวลาตั้งหลายนาที แต่ก่อน ไม่เป็นน่ะครับ
ตอนนี้ใช้ ethernet 100 M  ครับจะหาสาเหตุหรือว่าแก้ใขยังไงดีครับ
 =================================
มีหลายสาเหตุนะครับ มีกี่เครื่องในวงละ
การเชื่อมต่อ ระยะทาง การเข้าหัว ไวรัส อื่มอีกเยอะ
====================================
ดว่าน่าจะมี Virus นะครับ หรือไม่ใน network  คงมีใคร setup อะไรแปลกอยู่
ยังงัยลอง download tool scan virus มา scan ดูทุกเครื่องนะครับ

From Thai Cert
การกำจัดหนอนแบบอัตโนมัติ วิธีที่ 1

ดาวน์โหลดโปรแกรม Sysclean.com จากเว็บไซต์ http://www.trendmicro.com/ftp/products/tsc/sysclean.com External Link
ดาวน์โหลดไฟล์ pattern ชื่อ lptxxx.zip จาก http://www.trendmicro.com/download/pattern.asp External Link
หมายเหตุ xxx แทนตัวเลขเวอร์ชันล่าสุดของไฟล์ pattern

แตกไฟล์ lptxxx.zip นำไฟล์ชื่อ lpt$vpn.xxx เก็บไว้ในโฟลเดอร์เดียวกับไฟล์ Sysclean.com ที่ได้จากข้อ 1
ตัดการเชื่อมต่อเครือข่าย
หยุดการทำงานทุกโปรแกรม รวมทั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสด้วย
จากนั้นรันไฟล์ Sysclean.com จะปรากฏไดอะล็อกให้ทำการสแกนโดยกดปุ่ม Scan
เริ่มต้นการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสอีกครั้ง
ทำการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสที่ใช้อยู่แล้วทำการสแกนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องที่ใช้งานอยู่ไม่มีไวรัส

 ========================
สันนิฐานนะครับ service บน windows มันรัน service เกี่ยวกับ networkwork ก่อนที่ ก่อนที่ card lan จะบูตขึ้นมาซึ่ง service นั้นน่าจะเช็คการติดต่อกับ internet อยู่ แต่ไม่มาสารถติดต่อได้ครับ บน unix ผมก็เคยเจออาการแบบนี้คับ ยังเซ็ตเครื่องไม่เรียบร้อย ก็ ^c เพื่อยกเลิก process นั้นไป ลงวินโดว์ใหม่ผมว่ามันหายอยู่แล้วแต่น่าจะลองหาสาเหตูดูก่อนนะครับว่ามาจาก ไหน ลอง disable โปรมที่ startup พร้อมวินโดว์ทั้งหมด และลองปิด service ทุกอย่างดู ถ้าหายก็ค่อยเปิดใช้ทีละอย่างดูว่าสาเหตุมาจากไหนกันแน่ เอาแบบลูกทุ่งนี่แหละครับ
ทางลัดรอเซียนๆมาตอบอีกที โชคดีคับ 

======================================
ต้องดูว่าระบบงานที่เขียนเป็นระบบ Client server หรือไม่ ตัวโปรแกรมที่ run อยู่ที่ server
มีจะปัญหาว่าถ้าข้อมูลมากๆ จะทำรายรายการ Add หรือ edit จะช้า ควรจะปรับปรุงข้อมูลโดยใช้ Sql Server


 ที่คุณ somsak แนะนำมาก็เป็นสิ่งหนึ่งครับ แต่ผมเคยพบอาการลักษณะนี้มา ให้ลองเช็คแลนการ์ดดูนะครับ ที่ผมพบคือเป็นแลนการ์ที่ Build มากับเมนบอร์ด พอเปลี่ยนแลนการ์ดใหม่ก็สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่แลนการ์ดเก่านั้นไม่เสียนะครับ สามารถบราวซ์ดูเครื่องในเน็ทเวิร์กได้ แต่เมื่อรันโปรแกรมจะทำงานได้ช้ามากทีเดียว

ครับ เคยเจอปัญหาที่ LAN Card เช่นกันครับ สืบเสาะจนเจอว่ามีอยู่หนึ่งเครื่องทำตัวผิดปกติ พอปิดเครื่องนั้น ก็ปกติเลย ก็สรุปได้ว่า แลนการ์ดตัวนั้นมันเป็นตัวป่วนระบบ พอเปลี่ยนก็หายครับ
นอก จากนี้ก็คือ คุณภาพของการเข้าหัว LA N รวมถึง Hub ด้วย อาจจะต้องวิเคราะห์กันเยอะหน่อยล่ะครับ เพราะว่ามันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ


สร้าง Form เหมาะสมหรือไม่? คือ ใช้ buffer หรือไม่? การupdateข้อมูลแต่ละครั้ง ทั้ง table หรือ recoed เดียว? 

3/12/2554

ไร้ขีดจำกัดด้วย Hiren’s BootCD to USB Drive!!

ช่วงนี้แฟลชไดรว์ราคาถูกลงเรื่อยๆนะครับ อาจจะเนื่องมาจาก มีจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นและเป็นที่แพร่หลายในหมู่นักเรียน, นักศึกษา และคนทำงานก็ยังต้องใช้ ต้องพกติดตัวกันอยู่ตลอดเวลา แต่อีกด้านสำหรับแผ่นบูตอเนกประสงค์อย่าง Hiren’s BootCD ณ วันที่ผมเขียนบทความมีถึงเวอร์ชัน 9.6 แล้ว จะบรรจุโปรแกรมยูทิลิตี้ต่างๆมากมายมาให้ในแผ่นเดียว และมีขนาดแค่ 100 กว่า MB เท่านั้น โดยโปรแกรมภายในก็จะมี DM (Ontrack Disk Manager), Partition Magic Pro 8.05, Norton Ghost 11.5, เครื่องมือสำหรับสแกนหา Bad Sector บนฮาร์ดดิสต์, เครื่องมือสำหรับสแกนไวรัส และอีกมากมาย พอมีเวอร์ชันใหม่ๆออกมาเราก็ต้องจับมาเขียนลงแผ่นซีดีซ้ำแล้วซ้ำอีก จนมีแผ่น Hiren’s BootCD สะสมไว้แทบทุกเวอร์ชันเลย และสิ้นเปลืองแผ่นด้วย แต่ถ้าไม่อยากจับไฟล์อิมเมจเหล่านี้มาไร้ต์ให้เปลืองแผ่นซีดีล่ะ เราก็จับมันมาลงไว้ในแฟลชไดรว์ซะเลย วิธีการทำก็ไม่ยาก ท่านสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลยครับ

โปรแกรมและไฟล์ที่ต้องนำมาใช้งานร่วมกัน

1.โปรแกรม UltraISO (ในที่นี้ผมใช้เวอร์ชัน 9.3.0.2600) Download

2.ไฟล์ extract-boot-files และโปรแกรม USB Disk Storage Format Download

3.ไฟล์อิมเมจ Hiren’s BootCD 9.6 Download

วิธีการทำ

1.ติดตั้งโปรแกรม UltraISO แล้วดาวน์โหลดไฟล์+ก็อบปี้โฟลเดอร์ extract-boot-files และโปรแกรม USB Disk Storage Format ที่ดาวน์โหลดมา ลงไปที่ไดรว์ C แล้วตั้งชื่อเป็น Hiren’s BootCD ก็ได้

143 01 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

2.ก็อบปี้ไฟล์อิมเมจ Hiren’s BootCD 9.6 มาเก็บไว้ที่โฟลเดอร์ดังรูป

143 02 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

3.ดับเบิลคลิกไฟล์ Get_Boot_Files.cmd จะขึ้นดังรูปแล้วกด Enter

143 03 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

4.จะได้โฟลเดอร์ใหม่เพิ่มขึ้นมานั่นก็คือโฟลเดอร์ USB

143 04 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

5.ดับเบิลคลิกเพื่อเรียกใช้งานโปรแกรม USB Disk Storage Format

143 05 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

6.ตั้งค่าตามรูป แล้วกดปุ่ม Browse เพื่อเพิ่มไฟล์ที่จำเป็นต้องใช้ในระบบดอส

143 06 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

7.เลือกโฟลเดอร์ปลายทางเป็นโฟลเดอร์ USB ซึ่งภายในโฟลเดอร์นี้จะเป็นที่เก็บไฟล์ที่จำเป็นต้องใช้ในระบบดอส โดยถูกสร้างขึ้นจากขั้นตอนที่ 3 เสร็จแล้วกด OK

143 07 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

8.กด Start -> Yes เพื่อเริ่มขั้นตอนของการฟอร์แมตแฟลชไดรว์ได้เลย

143 08 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

9.หน้าต่างแสดงขั้นตอนหลังจากโปรแกรมทำการฟอร์แมตเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ

143 09 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

10.เปิดหน้าต่าง USB ที่ไดรว์ C และเปิดไดรว์แฟลชไดรว์ขึ้นมาทั้ง 2 หน้าต่าง แล้วกดปุ่ม Ctrl + A เพื่อเลือกไฟล์ทั้งหมด ยกเว้น COMMAND.COM, IO.SYS, MSDOS.SYS แล้วก็อบปี้ไปใส่ไว้ในแฟลชไดรว์ดังรูป

143 10 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

11.กลับมาที่โฟลเดอร์ BootUSB ดังรูป เพื่อแตกไฟล์อิมเมจ Hiren’s BootCD โดยคลิกขวาที่ไฟล์อิมเมจ -> เลือก UltraISO -> Extract to…

143 11 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

12.เลือกโฟลเดอร์ปลายทางเพื่อแตกไฟล์ไปไว้ที่แฟลชไดรว์ แล้วกด OK

143 12 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

13.แล้วรอจนกว่าโปรแกรมจะทำการแตกไฟล์อิมเมจ Hiren’s BootCD เสร็จเรียบร้อย ถึงขั้นตอนนี้ให้ใช้เวลาสักครู่

143 13 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

14.เมื่อโปรแกรมทำการแตกไฟล์เสร็จแล้ว และเปิดแฟลชไดรว์ขึ้นมา จะพบว่ามีไฟล์ที่ต้องใช้ในระบบดอสเยอะแยะเลย

143 14 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

และหลังจากนี้ท่านสามารถนำแฟลชไดรว์ที่ผ่านการทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาไปทดลองบูตเพื่อเรียกใช้งานโปรแกรมต่างๆที่อยู่ภายในได้เลยครับ

โดยขั้นตอนของการสั่งบูต ท่านสามารถเข้าไปปรับตั้งค่าเลือกการบูตในไบออสก็ได้หรือถ้าไม่อยากเข้าไบออ สไปปรับตั้งค่าให้ยุ่งยากซับซ้อน ในขั้นตอนของการเริ่มสตาร์ทระบบใหม่ให้เรียกใช้งานคีย์ลัด Boot Menu แทน ซึ่งเมนบอร์ดแต่ละยี่ห้อ จะใช้คีย์ลัดไม่เหมือนกันเช่น

เมนบอร์ด Asus, ECS ให้กด F8 แล้วเลือกไดร์ฟ Harddisk / USB Harddisk

เมนบอร์ด Asrock ให้กด F11 แล้วเลือกไดร์ฟ Harddisk / USB Harddisk

เมนบอร์ด Gigabyte ให้กด F12 แล้วเลือกไดร์ฟ Harddisk / USB Harddisk

แล้วจะพบกับเมนู Hiren’s BootCD ให้เรียกใช้งานดังรูปครับ

143 15 ไร้ขีดจำกัดด้วย Hirens BootCD to USB Drive!!

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.hiren.info

ทำ Hiren Boot USB กันดีกว่าครับ (v.9.7 Up)

วิธีนี้ใช้ตั้งแต่ Hiren's Boot CD Version 9.7 ขึ้นไปนะครับ
และเครื่อง Com ต้อง Boot USB ได้ด้วยนะครับ
สำหรับ v.96 ลงไปอ่าน ที่นี่ครับ

1. Download ----> Hiren's Boot CD Current version ณ.เวลานี้ v.9.9 ครับ
2. Download ---->USB Disk Storage Format เอาไว้ USB Format Flash Drive ครับ
3. Download ---->Grub4Dos Installer เอาไว้สร้าง MBR และ Partition Boot Sector ให้ Flash Drive ครับ
....เมื่อ Download แล้วให้ทำการแตกไฟล์ต่างๆออกมาครับ รวมถึง HirensBootCD.9.9.zip ด้วยนะครับ
4. ให้ Run โปรแกรม usb_format.exe เพื่อทำการ Format USB Flash Drive ครับ
....ดูตัวอย่างตามในรูปครับ


5. ให้ Run โปรแกรม Grub4Dos Installer ขึ้นมาครับ แล้วทำตามรูปครับ
....ให้ กดปุ่ม [Refresh] แล้วค่อยเลือกครับ เสร็จแล้ว กดปุ่ม [Install] ครับ


6. Copy ไฟล์ grldr กับ menu.lst ไปที่ Root ของ USB Flash Drive ครับ



7. ให้แตกไฟล์ Hiren's.BootCD.9.9.iso ออกมาครับ ใช้ 7-Zip หรือ WinRAR ก็ได้ครับ

....แตกออกมาจะได้แบบนี้ครับ


8. ให้ Copy ไฟล์และFolder ทั้งหมดที่แตกออกมาจาก Hiren's.BootCD.9.9.iso  ไปไว้ที่ Root ของ USB Flash Drive ครับ

9. เสร็จแล้วครับ เอาไปทดลองใช้ได้เลยครับ ถ้าใครไม่เคยใช้ อ่านจากกระทู้ v.9.6 ครับ  จบ. ครับ
หมายเหตุ
- บางครั้งการใช้ Hiren's Boot USB นั้นบาง Mainboard บางรุ่นอาจจะเห็นเป็นแบบ USB-HDD Mode หรือ
...บางรุ่นก็เห็นเป็น USB-ZIP Mode ครับ

อ้างอิงจาก ที่นี่ ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม (ส่วนตัว)
- ในการเลือกซื้อ USB Flash Drive คุณควรเลือกซื้อแบบที่เป็น Hi-speed จะดีกว่าครับ
...ถึงจะแพงกว่าแต่ใช้งานคุ้มค่ากว่าครับ
...ดูอย่างไรว่าเป็น Hi-speed เราไม่ได้ดูที่คำว่า Hi-speed ครับ ผมเห็นหลายๆรุ่นบอก Hi-speed
...แต่จริงๆเร็วกว่ารุ่นปกตินิดหน่อยครับ ให้คุณดูที่ความเร็วในการ อ่าน(Read)และ เขียน(Write)ครับ
...ให้มีความเร็วตั้งแต่ 20(Read) / 10(Write) MBps. ขึ้นไปครับ ผมถึงจะถือว่าไว น่าใช้งานครับ
...อาจจะหาซื้อยากหน่อยครับ รุ่นที่แนะนำก็มี Kingston DataTraveler 400 (20/10MBps.) ,
...Sandisk Cruzer Contour (25/18MBps.)

...รูปของ USB Flash Drive รุ่นต่างๆ ครับ

3/10/2554

ทำความรู้จักกับ Windows Server 2008 Beta 3

พื้นฐานทั่วไป
Windows 2008 เตรียมตัวโอ้อวดสคริปต์ชั้นสูงและระบบงานอัตโนมัติผ่าน Windows PowerShell ใหม่ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ ในเวอร์ชัน Beta 3 นี้จะยังไม่รวม PowerShell เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์  นอกเหนือ จากนี้แล้วยังจัดเตรียมเพียงระบบปฏิบัติการรุ่นเล็กและปลอดภัยอันประกอบด้วย บทหน้าที่บางส่วนของเวอร์ชันเต็ม Windows 2008 ที่วางแผนพัฒนาการติดตั้งบนฐานบทหน้าที่ (roles-based) และขยายขีดความสามารถในการจัดการให้ครอบคลุมถึงแกนหลักของ Windows Server Core อย่างสมบูรณ์


Windows 2008 เน้นเรื่องความสามารถในการรักษาความปลอดภัยเช่นเดียวกันกับ Windows Vista  อาทิเช่น กำหนดค่าตั้งต้นให้ Windows Firewall ทำงาน หรือความสามารถในการติดตั้ง Windows 2008 ไปยังสาขาสำนักงานผ่านเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Read Only Domain Controller (RODC) และ BitLocker ที่เป็นการประกันว่าหากเกิดเหตุการณ์จารกรรมเซิร์ฟเวอร์หลักแล้ว จะไม่สามารถสร้างความเสียหายเรื่องความปลอดภัยได้  Windows 2008 ยังคงประกอบด้วยฟีเจอร์ Network Access Protection (NAP) ที่รอคอยกันมานานแสนนาน เพื่อให้สามารถกักกันเครือข่ายบนฐานนโยบาย (policy-based) ออกจาก Windows Platform ได้

ส่วนบนมุมมองด้านความยืดหยุ่น Windows 2008 พัฒนา Terminal Services ใหม่ที่น่าสนใจ โดยอนุญาตให้องค์กรสามารถติดตั้งสภาพแวดล้อมหรือระบบงานระยะไกลได้ ทั้งรูปแบบที่อยู่ภายใต้และนอกเหนือไฟร์วอลล์ ซึ่งในที่สุดก็สามารถจัดเป็น Windows Server Virtualization ในรูปแบบออปชันส่วนเพิ่มของ Windows 2008 อันนำมาซึ่งประสิทธิภาพการทำงานและโซลูชันการจำลองเสมือนที่ปลอดภัย ... แต่! นับเป็นเรื่องสุดเศร้าที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Beta 3

ก้าวสู่ Beta 3
ไมโครซอฟท์จัดเตรียมพัฒนาการจำนวนหนึ่งเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ Windows 2008 Beta 3  Windows Firewall สามารถกำหนดค่าให้เปิดและปิดพอร์ทเฉพาะที่ต้องการตามบทหน้าที่หรือฟีเจอร์ คุณสมบัติที่ติดตั้งและรื้อถอนอันเป็นผลให้สามารถรักษาความปลอดภัย Windows Server ได้มากขึ้น พร้อมกันนั้น Server Manager (คอนโซลควบคุมกลางของไมโครซอฟท์สำหรับงานบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์ประจำวัน) ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงเสริมให้มีเครื่องมือ command-line เรียกว่า servermanagercmd.exe สำหรับผู้ดูแลระบบให้สามารถบริหารจัดการหน้าที่ต่างๆ ของ Server Manager จาก command line ได้

ถ้าพูดกันถึงเรื่อง Command line แล้วชนิดการติดตั้งของ Server Core นั้นได้บินสูงขึ้นไปด้วยเครื่องมือ command line ใหม่ชื่อว่า oclist.exe ที่จัดเตรียมวิธีการจัดการบทหน้าที่และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ได้ติดตั้งในสภาพแวดล้อมของ Server Core  ไมโครซอฟท์ยังคงเพิ่มจำนวนของบทหน้าที่ด้วยส่วนเพิ่มของบทหน้าที่ Active Directory Lightweight Directory Services (AD LDS), การพิมพ์, และ Windows Media Service (WMS) ใหม่ (ตัวอย่างบทหน้าที่อื่นได้แก่ Web Server และ Virtualization ที่กล่าวถึงในภายหลัง) บทหน้าที่ใหม่ทั้ง 7 ที่พร้อมใช้งานใน Beta 3 ประกอบด้วย AD, AD LDS, DNS, DHCP, WMS, File และ Print

ด้วยตัว Beta 3 เองยังประกอบด้วยพัฒนาการของ Terminal Services บางส่วนที่ดีขึ้นจากเวอร์ชัน Longhorn ในอดีต คุณสมบัติใหม่ที่ชื่อว่า Easy Print ทำให้การพิมพ์จากสภาพแวดล้อมหรือระบบงานบนฐาน Terminal Service ง่ายและดีขึ้นไปยังเครื่องพิมพ์เริ่มต้น พร้อมกันนั้นโปรแกรมระยะไกลได้รับการปรับชื่อใหม่อย่างเป็นทางการว่า Terminal Service RemoteApp  และนอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถ copy และ paste ระหว่างเซสชันของ Terminal Service กับระบบปฏิบัติการแม่ข่ายได้ ซึ่งนับว่าเป็นการพัฒนาอย่างมาก สุดท้าย Terminal Service ยังรองรับระบบสี 32 บิท เพิ่มเติมจาก 24 บิทในเวอร์ชันก่อนหน้านี้

NAP ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คุณแก้ไขเชื่อมต่อไคลเอ็นต์ผ่าน Windows Update หรือ Microsoft Update ในกรณีที่กล่อง Windows Server Update Services (WSUS) ไม่พร้อมใช้งาน นอกจากนี้คุณยังสามารถต่อเชื่อม NAP กับ Network Admission Control (NAC) ของ Cisco เพื่อรองรับโซลูชันกักกันได้ด้วย ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้ NAP ล่าช้าจากกำหนดการใน Windows Server 2 มาเป็นใน Windows 2008 พร้อมกับรูปแบบส่วนเชื่อมต่อผู้ใช้งานบนฐานวิซาร์ดใหม่และเรียบง่ายกว่าที่ เคยปรากฏมาก่อน

เจาะลึกลงไป
มองผ่านๆ ในรายการคุณสมบัติใหม่อันยาวเหยียดของ Windows 2008 จะพบกับคุณสมบัติที่โดดเด่นบางส่วนได้แก่ Server Manager ใหม่ที่ได้ปรับให้เป็นรูปแบบการจัดการเสร็จสิ้นในที่เดียวสำหรับความต้องการ จัดการะบบประจำวัน  ภายใต้ Server Manager ใหม่นี้คุณสามารถเห็นเครื่องทั้งหมดพร้อมกับบทหน้าที่และฟีเจอร์คุณสมบัติ ด้วยส่วนเชื่อมต่อผู้ใช้งาน Microsoft Management Console (MMC); แก้ไขปัญหาด้วยเครื่องมือเช่น Event Viewer บนฐาน XML และเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพการทำงานและความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกับ Vista; กำหนดค่าด้วยเครื่องมือเช่น Task Scheduler, Windows Firewall, Windows Management Instrumentation (WMI) Control, และ Device Manager; จัดเก็บสำรองข้อมูลด้วยเครื่องมือเช่น Windows Server Backup (แทนที่ NTBackup ที่ต้องทำงานอย่างยากลำบาก) และ Disk Management ที่สามารถปรับขนาด NTFS ได้ขณะที่เครื่องกำลังทำงานอยู่

Server Manager จัดเป็นสุดยอดงานแห่งปีในเรื่องส่วนเชื่อมต่อผู้ใช้งานสำหรับงานการจัดการ บนโฮมเพจระดับสูงสุด คุณจะสามารถเห็นข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ที่คุณกำลังต่อเชื่อมอยู่ นี้พร้อมกับชื่อแผ่นงานสำหรับแก้ไขข้อมูลองค์ประกอบตั้งค่าต่างๆ  คุณลักษณะร่วมต่างๆ ของเซิร์ฟเวอร์ (อาทิเช่น ความปลอดภัย, บทหน้าที่, ฟีเจอร์คุณสมบัติ) จะปรากฏในหน้าจอโฮมเพจนี้ด้วย นอกจากนี้แล้วหน้าจอจะอยู่ในรูปแบบโต้ตอบแทนที่รูปแบบกระดานข่าวด้วย นั่นหมายความว่าตัวอย่างเช่นเมื่อคุณกำลังดูฟีเจอร์คุณสมบัติที่ติดตั้งไป แล้ว คุณยังสามารถสั่งถอดถอนหรือติดตั้งฟีเจอร์นั้นจากโฮมเพจนี้ได้ พร้อมกับสามารถดูรายละเอียดส่วนลึกการทำงานของฟีเจอร์ที่ติดตั้งไว้แล้วได้ ด้วย

Server Core จัดเป็นสิ่งที่น่าสนใจสูงสุดอีกลำดับหนึ่งของ Window 2008 ด้วยชนิดของการติดตั้งแบบเปลื้องกรอบออกทั้งหมดทำให้คุณสามารถกำหนดค่าทั้ง หมดได้โดยปราศจากส่วนเชื่อมต่อผู้ใช้งานแบบกราฟฟิก (GUI) ใดๆ, เซิร์ฟเวอร์ที่ปราศจากเครื่องหลักประกอบด้วยบทหน้าที่ทั้งเจ็ดได้แก่ AD, AD LDS, DNS, DHCP, WMS, File, และ Print (ท้ายที่สุดก็จะประกอบรวมถึง Web Server และ Windows Server Virtualization)  Server Core จะเริ่มต้นจากหน้าจอเดสก์ทอปเปล่าและหน้าจอ command-line หน้าจอเดียว ไม่มีทั้ง Shell, Microsoft Internet Explorer (IE), Windows Media Player, หรือระบบงานแอพพลิเคชันกราฟฟิกใดๆ เบื้องหลังของ Server Core คือการจัดเตรียมเพียงฟีเจอร์ core server เพียงฟีเจอร์เดียวและดำเนินการในทางที่มีระดับความปลอดภัยมากที่สุด เนื่องด้วยแง่มุมด้านการจัดการและการติดตั้งบนฐานบทหน้าที่ของ Windows 2008 เป็นผลให้บทหน้าที่ของแต่ละ Server Core จะถูกติดตั้งให้ลดพื้นที่ผิวของเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถถูกโจมตีได้ให้น้อยที่ สุด  และอย่าลืมว่าเซิร์ฟเวอร์บนฐาน Server Core นี้จะอยู่บนฐาน Windows 2008 ด้วย ดังนั้นจึงเป็นการจัดเตรียมความสามารถในการเชื่อมต่อในลักษณะเดียวกันคือ คุณสามารถจัดการระยะไกลได้ด้วยเครื่องมือบนฐานส่วนเชื่อมต่อผู้ใช้งานแบบ กราฟฟิกที่คุณคุ้นเคยและหลงรักจากอีกเซิร์ฟเวอร์หนึ่งหรือจากเครื่อง คอมพิวเตอร์อื่น

เช่นลักษณะเดียวกันกับ Vista, Windows 2008 ประกอบด้วยเครื่องมือ BitLocker อันทรงคุณประโยชน์ดังที่ผมได้กล่าวไว้แล้วใน “การควบคุมแอ็กเคานต์ผู้ใช้งานและการเข้ารหัสไดรฟ์ BitLocker ของ Vista” (เมษายน 2007, InstantDocID 95153)  BitLocker ชุดนี้ได้จัดเตรียมการเข้ารหัสดิสก์ทั้งก้อนสำหรับดิสก์ทุกตัวที่ต่อเข้ากับ เซิร์ฟเวอร์ซึ่งจัดเป็นฟีเจอร์ใหม่ (ใน Vista จะกำหนดค่าเริ่มต้นให้มีเพียงแต่ดิสก์ระบบเท่านั้นที่ได้รับการป้องกัน) BitLocker จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อประกอบรวมกับเทคโนโลยีอื่นๆ ของ Windows 2008 ตัวอย่างเช่นธุรกิจที่กำลังมองหาเซิร์ฟเวอร์สำนักงานสาขาที่สามารถจัดการได้ ง่ายและปลอดภัยสามารถติดตั้งด้วย BitLocker ประกอบกับ Server Core และ RODC เพื่อให้ได้ความปลอดภัยสูงสุด ถ้าเซิร์ฟเวอร์ถูกขโมยไปก็ไม่มีข้อมูลส่วนใดสูญหายและแฮกเกอร์เองก็ไม่ สามารถเข้าถึงพาสส์เวิร์ดสำหรับผู้ใช้งานใดๆ ในโดเมนได้ เนื่องจากว่ามีเพียงแต่พาสส์เวิร์ดผู้ใช้งานท้องถิ่นที่ถูกจัดเก็บในความจำ แคชเท่านั้น (ไม่มีระดับผู้ดูแลระบบ)

ที่ส่วนต่อเชื่อมด้านหน้าของ Terminal Service มีโหมดการทำงานใหม่เรียกว่า Terminal Service Gateway ที่เป็นเซสชันระยะไกลแบบท่อผ่าน HTTPS เพื่อลดงานไม่จำเป็นต้องติดตั้ง VPN แต่ยังคงสามารถเข้าถึง Terminal Service ได้จากเครือข่ายไร้สายใดๆ โดยเฉพาะระบบที่จำกัดการเข้าถึงแบบ VPN เท่านั้น เซสชันระยะไกลต่อเชื่อมในรูปแบบกราฟฟิก “secure lock” เฉกเช่นที่คุ้นเคยใน IE7.0  Terminal Services RemoteApp จัดเป็นระบบงานอีกหนึ่งแอพพลิเคชันบนเดสก์ทอปของผู้ใช้งานแทนที่การแยกเซ สชันระยะไกลแต่ละเซสชัน ซึ่งภายหลังจากผู้ใช้ลอกออนเข้าสู่ระบบ แล้วผู้ใช้จะสามารถทำงานระหว่างแอพพลิเคชันงานท้องถิ่นต่างๆ ได้อย่างไร้ขอบเขตจำกัด

สิ่งที่ขาดหายไปได้แก่ ?
จากสิ่งที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้น เหตุผลหนึ่งแห่งการรอคอยเทคโนโลยี Windows 2008 คือ Windows Server Virtualization ชื่อว่า “Viridian” ได้หลุดหายไปจาก Windows 2008 Beta 3  นอกเหนือไปจากนั้น หลายสัปดาห์ก่อนส่งออก Beta 3 ไมโครซอฟท์แจ้งเตือนว่าไม่สามารถส่งมอบชุดทดสอบ Viridian ได้จนกว่าครึ่งปีหลังของ 2007  ปฏิวัติเทคโนโลยีนี้ได้รับความคาดหวังว่าจะเผยโฉมในครึ่งปีแรก แต่อย่างไรก็ตามไมโครซอฟท์ยังคงกล่าวย้ำว่าจะสามารถส่ง Windows Server Virtualization ภายใน 180 วันนับจากวันที่ออก Windows 2008  ไมโครซอฟท์วางแผนที่จะแยกเทคโนโลยีนี้ออกจาก Windows 2008 ด้วยฟรีอัพเดท และทันทีที่เทคโนโลยีนี้พร้อมใช้งานก็จะปรากฏเป็นบทหน้าที่เซิร์ฟเวอร์ใหม่ ทั้งใน Server Core และส่วนติดตั้งหลักของ Windows 2008  สุดท้ายเป็นโศกนาฏกรรมแสนเศร้าที่ Virtualization จะต้องปรับลดขนาดลงจากคำสัญญาของไมโครซอฟท์: เมื่อเร็วๆ นี้เอง ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะถอดถอนฟีเจอร์หลัก 3 ฟีเจอร์ออกได้แก่ การสนับสนุนการอพยพย้ายข้อมูลขณะที่เครื่องกำลังทำงาน, การเพิ่มหน่วยบันทึกข้อมูล ฮาร์ดแวร์เครือข่าย หน่วยความจำ หรือหน่วยประมวลผลขณะที่เครื่องกำลังทำงาน, และการรองรับหน่วยประมวลผล 32 บิท (Virtualization เวอร์ชันเริ่มต้นจะรองรับหน่วยประมวลผล 16 บิทเท่านั้น)

การละเลยที่สำคัญอีกหนึ่งประเด็นคือ Windows 2008 Beta 3 ไม่รองรับ Web Server และ Application Server ภายใต้ Server Core เรื่องนี้เป็นประเด็นเกี่ยวข้องโดยตรงกับ Microsoft.NET Framework เนื่องจากต้องการทั้งสองบทหน้าที่เป็นพื้นฐาน  Microsoft.NET Framework เวอร์ชันปัจจุบันประกอบด้วยไลบรารีบนฐานส่วนเชื่อมต่อผู้ใช้งานแบบกราฟฟิก มากมายซึ่งไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องใน Server Core

ไมโครซอฟท์ได้พยายามแก้ไขสร้าง Server Core-friendly .NET Framework ที่เป็นส่วนย่อยหนึ่งในเวอร์ชันในอนาคต  ที่สำคัญผมเคยกล่าวไว้ว่า หลังจากรุ่น Beta 3 แล้ว ไมโครซอฟท์จะประกอบรวมบทหน้าที่ Web Server ลงใน Server Core ซึ่งรวมฟังก์ชัน Microsoft IIS 7.0 ทั้งหมดยกเว้นแต่ ASP.NET ที่จำเป็นต้องการ .NET ก่อน  โซลูชันนี้เป็นคำตอบที่ใช้ได้อย่างดีสำหรับ Web Server ระดับล่าง (เช่น Linux/Apache Web Server)
ปัญหาหนึ่งที่เป็นไปได้กับ Windows 2008 คือสภาพการเป็นธรรมชาติสองระบบ ถึงแม้ว่ารูปแบบนำเสนอการจัดการบนฐานบทหน้าที่จะทำให้ระบบสามารถกำหนดค่า องค์ประกอบได้ถูกต้องเสมอเมื่อคุณใช้งานผ่านเครื่องมือส่วนเชื่อมต่อผู้ใช้ งานแบบกราฟฟิก มันก็ยังมีความเป็นไปได้จะเข้าถึงด้วยเครื่องมืออื่นเพื่อทำการเปลี่ยนแปลง ค่า ซึ่งอาจจะเป็นผลให้ค่าองค์ประกอบผิดพลาด  และเมื่อพิจารณาถึง Windows Firewall ในรูปแบบที่ว่า เมื่อคุณติดตั้งหรือกำหนดค่าบทหน้าที่เช่น Application Server แล้ว Firewall จะทำการปรับเปลี่ยนค่าเพื่อให้ค่าองค์ประกอบถูกต้องอย่างอัตโนมัติ แต่คุณก็ยังคงสามารถเข้าผ่านส่วนเชื่อมต่อผู้ใช้งานแบบกราฟฟิกถึง Windows Firewall เพื่อเปลี่ยนค่าใหม่ด้วยมือ อันเป็นผลสรุปว่าไม่มี “ความปลอดภัยสำหรับการกำหนดค่าองค์ประกอบบทหน้าที่ในปัจจุบันที่แท้จริงได้”

ข้อแนะนำ
ไมโครซอฟท์กล่าวไว้ว่าจะสามารถส่งออก Windows 2008 ได้ตรงตามกำหนดการปลายปี 2007 พร้อมกับ Windows Server Virtualization ที่สิ้นปี 2007 หรือต้นปี 2008  Windows 2008 ยังคงก้าวต่อไปและมันก็เป็นเวลาอันควรแก่การให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถเริ่ม พิสูจน์ประเมิน Windows Server ยุคถัดไป  Beta 3 เป็นรุ่นที่จะเกือบสมบูรณ์แบบแล้ว และพร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลอย่างกว้างขวาง  ดังนั้นด้วยฟีเจอร์คุณสมบัติมากมายก่ายกองของ Windows 2008 คุณคงต้องทุ่มเทเวลาอย่างจริงจัง เพื่อที่จะให้สามารถความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าสภาพแวดล้อมของคุณจะได้รับ ผลกระทบเช่นไรบ้าง

ที่มา : โดยความร่วมมือระหว่างนิตยสาร Windows ITPro และบริษัท ทรีคอม (ประเทศไทย) จำกัด

Download Windows Media Services 2008 for Windows Server 2008 R2


ดาวน์โหลด Windows Media Services 2008 สำหรับ Windows Server 2008 R2
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Windows Media Services 2008 เป็นซอฟต์แวร์สำหรับเสริมการทำงานของ Windows Server 2008 R2 เพื่อใช้ในการให้บริการ Streaming Media เนื่องจาก Streaming Media Services role นั้นจะไม่ได้รวมอยู่ใน Server Manager ของ Windows Server 2008 R2 ดังนั้น กรณีที่ต้องการให้บริการ Windows Media Services โดยใช้งาน Windows Server 2008 R2 ผู้ใช้จะต้องทำการดาวน์โหลดและรันไฟล์ติดตั้ง Streaming Media Services role แบบแมนนวล

Streaming Media Services role
Streaming Media Services role ในระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 เป็นตัวที่ทำหน้าที่จัดเตรียมแพล็ตฟอร์มสำหรับการถ่ายทอด (Streams) เนื้อหาดิจิตอลมีเดีย (Digital Media) ไปสู่ไคลเอ็นต์ผ่านทางระบบเครือข่าย

Streaming Media Services role ในระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 จะรวมเซอร์ Windows Media Server role ซึ่งเป็นเซอร์วิสที่จำเป็นในการใช้งานเครื่องเซิร์ฟเวอร์เป็น Windows Media server โดย role service นี้จะรวมอยู่ใน Windows Media Services 2008 ซึ่งทำหน้าที่จัดเตรียมแพ็ลตฟอร์มสำหรับการแจกจ่ายเนื้อหาดิจิตอลมีเดียไป สู่ไคลเอ็นต์ผ่านทางระบบเครือข่าย

Streaming Media Services role นั้นจะรวม role services ซึ่งเป็นอ็อปชันสำหรับใช้จัดการ Windows Media server จำนวน 2 ตัว ดังนี้
• Web-based Administration เป็นตัวที่ทำหน้าที่จัดเตรียมการรองรับการจัดการ Windows Media server แบบ Web-based administration จากระยะไกล
• Logging Agent เป็นตัวที่ทำหน้าที่จัดเตรียมสำหรับสถิติการใช้งาน (logging statistics) จากไคลเอ็นต์ซึ่งรับเนื้อหา multicast, broadcast หรือ advertising จาก Windows Media server

Windows Media server
Windows Media server เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดเนื้อหาเสียง (Audio) และวีดีโอ (Video) ที่อยู่ในฟอร์แมตแบบดิจิตอล (DigitalX ไปสู่ไคลเอ็นต์ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet) หรืออินทราเน็ต (Intranet) โดยเครื่องไคลเอ็นต์นั้นอาจจะเป็นคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ซึ่งสามารถเล่น มัลติมีเดียโดยใช้เครื่องเล่น (Player) อย่างเช่น Windows Media Player หรืออาจจะเป็นคอมพิวเตอร์ซึ่งรัน Windows Media Services (เรียกส่า Windows Media servers) ที่ทำหน้าที่เป็นพร็อกซี (Proxy), แคช (Cache) หรือตัวกระจายเนื้อหา (Redistribute the content) โดยที่ไคลเอ็นต์ยังสามารถเป็นแอพพลิเคชันอื่นๆ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยใช้คอมโปเนนต์ Windows Media SDK

สำหรับเนื้อหาที่ Windows Media server ทำการถ่ายทอดไปยังไคลเอ็นต์นั้น สามารถเป็นการถ่ายทอดสด (Live stream) หรือเป็นเนื้อหาของไฟล์มัลติมีเดียที่ได้บักทึกไว้ล่วงหน้า สำหรับกรณีการถ่ายทอดสดนั้นเซิร์ฟเวอร์จะเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์สำหรับทำ หน้าที่เข้ารหัสข้อมูลในฟอร์แมตที่สามารถกระจายการสตรีมสดในฟอร์แมตที่รอง รับโดยเซิร์ฟเวอร์ ตัวอย่างเช่น Microsoft Expression Encoder เป็นต้น

การดาวน์โหลด WMS2008 for Windows Server 2008 R2
Windows Media Services 2008 for Windows Server 2008 R2 เวอร์ชันล่าสุดออกเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2553 โดยไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ Downlaod Windows6.1-KB963697-x64.msu (KB963697) (27.5 MB)

สำหรับหรับผู้ใช้ Windows Server 2008 สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ Download Windows Media Services 2008 for Windows Server 2008 (KB934518) (5.7 MB - 65.8 MB)

System Requirements
Windows Media Services 2008 สามารถรองรับระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 R2 รุ่นต่างๆ ดังนี้
• Windows Server 2008 R2 Standard
• Windows Web Server 2008 R2
• Windows Server 2008 R2 Foundation
• Windows Server 2008 R2 Enterprise
• Windows Server 2008 R2 Datacenter

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Windows Media Services 2008 Overview
Windows Media Services 2008 for Windows Server 2008 R2

โปรแกรมให้ติดตั้ง Windows Media Player แต่ไม่สามารถติดตั้งได้

การแก้ปัญหากรณีที่โปรแกรมแจ้งว่า ต้องการติดตั้ง Windows Media Player แต่ไม่สามารถติดตั้งได้ หรือเมื่อคลิกปุ่มเพื่อฟังเสียงหรือดูวิดีโอคลิปแล้วโปรแกรมแสดงข้อความ Error เช่น Automation Error หรือ System Error เป็นต้น สามารถแก้ไขได้ดังนี้

วิธีที่ 1
1. ให้ดาวน์โหลดไฟล์ FixVGA.exe โดยคลิกที่นี่
2. จากนั้นให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ FixVGA.exe จะปรากฏโฟลเดอร์ FixVGA ขึ้นมา
3. ให้คลิกเข้าไปที่โฟลเดอร์ FixVGA
4. ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ FixWMP.exe จะปรากฏหน้าต่างขึ้นมา
5. ให้คลิกที่ปุ่ม ติดตั้งไฟล์ msdxm.ocx เสร็จแล้วให้รันโปรแกรมอีกครั้ง
6. หากรันโปรแกรมแล้วมีอาการค้าง หรือไม่มีเสียง ให้คลิกปุ่ม ติดตั้ง MPEG Layer-3 Audio Decoder  เสร็จแล้วให้รันโปรแกรมอีกครั้ง


วิธีที่ 2
สำหรับ Windows 98

- ให้ติดตั้ง Windows Media Player โดยรันไฟล์ MPFull.exe จากแผ่นซีดีรอม หรือ
คลิกที่นี่ เพื่อดาวน์โหลด เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วให้รันโปรแกรมอีกครั้ง
สำหรับ Windows 98SE หรือ Windows Me
- ให้ติดตั้ง Windows Media Player โดยรันไฟล์ MPFull.exe จากแผ่นซีดีรอม หรือ
คลิกที่นี่ เพื่อดาวน์โหลด เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วให้รันโปรแกรมอีกครั้ง
- หรือให้ดาวน์โหลดไฟล์
msdxm.ocx แล้ว copy ไปไว้ในโฟลเดอร์ C:\Windows\System (กรณีติดตั้งวินโดวส์ไว้ไดรฟ์หรือโฟลเดอร์อื่น ให้แก้เป็นไดรฟ์และโฟลเดอร์ตามที่ติดตั้งวินโดวส์ไว้) เสร็จแล้วให้รันโปรแกรมอีกครั้ง
   * แต่ถ้ายังไม่สามารถรันโปรแกรมได้ ให้ทำการลงทะเบียนไฟล์ โดยปิดโปรแกรมที่เปิดอยู่ทั้งหมดแล้วคลิก Start > Run... แล้วพิมพ์คำสั่งดังนี้  regsvr32 "C:\Windows\System\msdxm.ocx" (โดย C:\Windows\System หมายถึงโฟลเดอร์ตามขั้นตอนข้างต้น)  ให้รอสักครู่ จนกว่าจะปรากฏข้อความ DllRegisterServer in C:\Windows\System\msdxm.ocx succeeded. ขึ้นมา แล้วให้รันโปรแกรมอีกครั้ง

สำหรับ Windows 2000
1. ให้ดาวน์โหลดไฟล์
msdxm.ocx แล้ว copy ไปไว้ในโฟลเดอร์ C:\WinNT\System32 (กรณีติดตั้งวินโดวส์ไว้ไดรฟ์หรือโฟลเดอร์อื่น ให้แก้เป็นไดรฟ์และโฟลเดอร์ตามที่ติดตั้งวินโดวส์ไว้)
2. เมื่อ copy ไฟล์เสร็จแล้ว ให้ทำการลงทะเบียนไฟล์ โดยปิดโปรแกรมที่เปิดอยู่ทั้งหมดแล้วคลิก Start > Run... แล้วพิมพ์คำสั่งดังนี้  regsvr32 "C:\WinNT\System32\msdxm.ocx" (โดย C:\WinNT\System32 หมายถึงโฟลเดอร์ตามข้อ 1.)
3. ให้รอสักครู่ จนกว่าจะปรากฏข้อความ DllRegisterServer in C:\WinNT\System32\msdxm.ocx succeeded. ขึ้นมา
4. เสร็จแล้วให้รันโปรแกรมอีกครั้ง

สำหรับ Windows XP
1. ให้ดาวน์โหลดไฟล์
msdxm.ocx แล้ว copy ไปไว้ในโฟลเดอร์ C:\Windows\System32 (กรณีติดตั้งวินโดวส์ไว้ไดรฟ์หรือโฟลเดอร์อื่น ให้แก้เป็นไดรฟ์และโฟลเดอร์ตามที่ติดตั้งวินโดวส์ไว้)
2. เมื่อ copy ไฟล์เสร็จแล้ว ให้ทำการลงทะเบียนไฟล์ โดยปิดโปรแกรมที่เปิดอยู่ทั้งหมดแล้วคลิก Start > Run... แล้วพิมพ์คำสั่งดังนี้  regsvr32 "C:\Windows\System32\msdxm.ocx" (C:\Windows\System32 หมายถึงโฟลเดอร์ตามข้อ 1.)
3. ให้รอสักครู่ จนกว่าจะปรากฏข้อความ DllRegisterServer in C:\Windows\System32\msdxm.ocx succeeded. ขึ้นมา
4. เสร็จแล้วให้รันโปรแกรมอีกครั้ง

* หากรันโปรแกรมแล้วมีอาการค้าง หรือไม่มีเสียง ให้ดาวน์โหลด MPEG Layer3-codec ไปติดตั้งในเครื่อง เสร็จแล้วให้รันโปรแกรมอีกครั้ง

3/09/2554

ดาวน์โหลด PowerPoint 2010 Viewer

ดาวน์โหลด PowerPoint 2010 Viewer


ไมโครซอฟท์ เปิดให้ดาวน์โหลด PowerPoint 2010 Viewer ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับใช้เปิดไฟล์นำเสนอ (Presentation) ที่สร้างขึ้นจากโปรแกรมตั้งแต่ PowerPoint 97 จนถึง PowerPoint 2010 โดยที่ไม่ต้องมีโปรแกรม PowerPoint ติดตั้งอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ และนอกจากเปิดไฟล์แล้วยังสามารถสั่งพิมพ์ไฟล์นำเสนอออกทางเครื่องพิมพ์ได้ อีกด้วย

PowerPoint 2010 Viewer นั้นรองรับเปิดดูเปิดไฟล์นำเสนอได้หลากหลายฟอร์แมต และยังสามารถเปิดไฟล์นำเสนอที่สร้างขึ้นจาก PowerPoint 2010 ได้อย่างเต็มรูปแบบ นั้นคือ สามารถรองรับการเปลี่ยนหน้าสไลด์รูปแบบใหม่ (New Transition), วิดีโอ (Video), และเทคนิคพิเศษ (Effect) ได้เหมือนกับการเปิดด้วย PowerPoint 2010 ทุกประการ

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ต้องตระหนักว่า PowerPoint 2010 Viewer นั้นสามารถใช้ทำการเปิดดูไฟล์นำเสนอได้เท่านั้นโดยที่ไม่สามารถทำการแก้ไข ข้อมูลได้ สำหรับชนิดของไฟล์นำเสนอที่สามารถเปิดด้วย PowerPoint 2010 Viewer ประกอบด้วย .ppt, .pptx, .pptm, .pot, .potx, .potm, .pps, .ppsx และ .ppsm

การดาวน์โหลด PowerPoint 2010 Viewer
ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด PowerPoint 2010 Viewer ได้ฟรีที่เว็บไซต์ Download PowerPoint 2010 Viewer

System Requirements
PowerPoint 2010 Viewer สามารถรองรับการทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 7, Windows Server 2003 R2 (x86/x64), Windows Server 2008 Service Pack 2, Windows Vista Service Pack 1/Service Pack 2, และ Windows XP Service Pack 3
• Memory: 256 MB RAM or more
• Disk space: 270 MB of available hard disk space

ดาวน์โหลด Visio 2010 Viewer ฟรี

ดาวน์โหลด Visio 2010 Viewer ฟรี

อัพเดท - 26 กุมภาพันธ์ 2554: ไมโครซอฟท์ทำการเปลี่ยนยูอาร์แอลของลิงก์สำหรับดาวน์โหลด Visio 2010 Viewer


Visio 2010 Viewer เป็นโปรแกรมสำหรับใช้เปิดไฟล์ drawings และ diagrams ที่สร้างขึ้นจากโปรแกรม Visio ตั้งแต่ Visio 5.0 ถึง Visio 2010 ในโปรแกรม Internet Explorer เวอร์ชัน 5-8 โดยไม่ต้องมีโปรแกรม Visio 2010 ติดตั้งอยู่บนเครื่อง นอกจากเปิดไฟล์แล้ว Visio 2010 Viewer ยังสามารถสั่งพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ได้อีกด้วย

Visio Viewer ช่วยให้ผู้ใช้สัมผัสกับข้อดีของการใช้งาน drawings, charts และ illustrations ที่สร้างขึ้นจากโปรแกรม Visio ในสภาพแวดล้อมแบบ Web-based โดย Visio Viewer นั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับทีมซึ่งต้องทำงานร่วมกันจากคนละสถานที่

สำหรับวิธีการเปิดไฟล์ drawings ที่สร้างขึ้นจากโปรแกรม Visio นั้นทำได้ง่ายๆ โดยในหน้าต่าง Windows Explorer ให้ดับเบิลคลิกไฟล์ drawing (ไฟล์นามสกุล .vsd, .vss, .vst, .vdx, .vsx หรือ .vtx) จากนั้นวินโดวส์จะทำการเปิดโปรแกรม Internet Explorer และโปรแกรม Visio Viewer ก็จะทำการประมวลและแสดงไฟล์ drawing ในหน้าต่างเบราเซอร์ โดยสามารถแพนและซูม (Pan and Zoom) ในหน้าต่าง drawing ได้โดยใช้ปุ่มทูลบาร์ คีย์บอร์ดชอร์ตคัท หรือไอเท็มเมนูในชอร์ตคัทเมนู

นอกจากนี้ ยังสามารถดูรายละเอียดคุณสมบัติของแต่ละรูปทรงโดยการเปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Properties and Settings จากนั้นเลือกรูปทรงที่ต้องการ โดยการตั้งค่าบางอบ่างจะอยู่ในแท็บ Display Settings ของไดอะล็อกบ็อกซ์ Properties and Settings โดยที่สามารถเซ็ตว่าจะแสดงหรือไม่แสดงเลเยอร์ของ drawing และเซ็ตสีในแท็บ Layer Settings และยังสามารถใส่หมายเหตุเกี่ยวกับการแสดงหรือไม่แสดงเลเยอร์และการเซ็ตสีของ drawing ในแท็บ Markup Settings drawing ได้อีกด้วย

หมายเหตุ:
• สามารถรองรับไฟล์ Visio ทั้งที่อยู่ในฟอร์แมต binary (.vsd) และ XML (.vdx)
• โปรแกรม Visio Viewer นั้นต้องการ ActiveX control ในการทำงานเพื่อประมวลผลไฟล์ drawings ที่สร้างขึ้นจากโปรแกรม Visio ภายในโปรแกรม Internet Explorer

การดาวน์โหลด Visio 2010 Viewer
ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Visio 2010 Viewer ได้ฟรีที่เว็บไซต์ Download Visio 2010 Viewer

System Requirements
Visio 2010 Viewer สามารถรองรับการทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 7, Windows Server 2003 R2 (x86/x64), Windows Server 2008 Service Pack 2, Windows Vista Service Pack 1/Service Pack 2, และ Windows XP Service Pack 3

หมายเหตุ: การแสดงรูปทรงที่วาดโดยใช้เครื่องมือ Ink ใน Visio นั้นสามารถทำงานได้บน Windows 7, Windows Vista หรือWindows XP

Install Read-Only Domain Controller on Windows Server 2008 R2

การติดตั้ง Read-Only Domain Controller (RODC) บน Windows Server 2008 R2
บทความโดย: Windows Administrator Blog

เรื่องที่นำมาฝากวันนี้เป็นการติดตั้ง Read-Only Domain Controller (RODC) บน Windows Server 2008 R2 นี้จะต่อเนื่องจากเรื่อง "การติดตั้ง Active Directory Domain Services บน Windows Server 2008 R2" ซึ่งได้โพสต์ไปก่อนหน้านี้ สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับ RODC สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ What Is an Read-Only Domain Controller (RODC)?

ข้อมูลที่จำเป็นในการติดตั้ง Windows Server 2008 R2 เป็น Additional DC
ก่อนการติดตั้ง Windows Server 2008 R2 เป็น RODC ใน Windows Server 2008 R2 โดเมนนั้น แอดมินจะต้องเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับชื่อโดเมนและแอคเคาท์ที่จะใช้ในการติด ตั้งรวมถึงต้องกำหนดค่าพื้นฐานของระบบเครือข่ายของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ เช่น หมายเลขไอพีและซับเน็ตมาสก์ที่ใช้ หมายเลขไอพีของ DNS เซิร์ฟเวอร์ หมายเลขไอพีของดีฟอลท์เกตเวย์ (Default Gateway) โดยก่อนทำการติดตั้งให้แอดมินวางแผนและเตรียมข้อมูลต่างๆ ดังนี้

• ชื่อของ Domain Name ที่จะติดตั้ง RODC
• แอคเคาท์ที่จะใช้ในการติดตั้ง RODC
• หมายเลข IP Address สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่จะติดตั้งเป็น RODC
• หมายเลข Subnet Mask
• IP Address ของดีฟอลท์เกตเวย์
• IP Address ของ DNS เซิร์ฟเวอร์
• Group หรือ User ที่จะให้เป็นผู้ดูแล RODC เซิร์ฟเวอร์ (แนะนำให้ใช้ Group)

หมายเหตุ: ในการสาธิตนี้ ใช้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ Windows Server 2008 R2 รุ่น Enterprise

ดำเนินการติดตั้งเครื่อง Windows Server 2008 R2 เป็น Read-Only Domain Controller
หลังจากทำการเตรียมความพร้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนดำเนินการติดตั้งให้ทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้รับ การคอนฟิกถูกต้องรวมถึงตรวจสอบระบบเครือข่ายและสายแลนทำงานต่างๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน จากนั้นให้ทำการล็อกออนเข้าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ด้วยแอคเคาท์ที่เป็นโลคอลแอด มิน (Local Administrator) โดยดีฟอลท์นั้นวินโดวส์จะเปิดหน้าต่าง Initial Configuation Tasks ซึ่งจะเป็นเครื่องมือช่วยเหลือแอดมินในการเริ่มต้นการจัดการ Windows Server 2008 R2 ในด้านต่างๆ เช่น Configure Networking, Adding Roles, Add Features และ Configure Windows Firewall รวมถึงใช้ติดตั้ง Active Directory Domain Services

นอกจากนี้ ยังสามารถติดตั้ง Active Directory Domain Services โดยใช้ Server Manager (ไอคอนแสดงอยู่บน Taskbar) ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักสำหรับแอดมินใช้ในการจัดการเซิร์ฟเวอร์แบบรูทีน โดยวิธีการเปิด Initial Configuation Tasks และ Server Manager มีขั้นตอนดังนี้

• วิธีการเปิดหน้าต่าง Initial Configuation Tasks ทำได้โดยการคลิก Start พิมพ์ OOBE ในช่อง Start Search แล้วกด Enter
• วิธีการเปิดหน้าต่าง Server Manager ทำได้โดยการคลิก Start แล้วคลิก Server manager

จากนั้นดำเนินการติดตั้งตามขั้นตอนที่ 1-12 ใน "การติดตั้ง Active Directory Domain Services บน Windows Server 2008 R2

13. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Additional Domain Controller Options ให้เลือกเช็คบ็อกซ์หน้า Read-only domain controller (RODC) ส่วนตัวเลือกอื่นๆ ปล่อยตามค่าดีฟอลท์ เสร็จแล้วคลิก Next

หมายเหตุ: สังเกตว่า Domain Controller จะถูกกำหนดให้ทำหน้าที่ Global catalog โดยอัตโนมัติ


Additional Domain Controller Options

14. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Delegation of RODC Installation and Administration ให้ใส่ชื่อกลุ่ม (Group) หรือผู้ใช้ (User) ที่จะให้เป็นผู้ดูแล RODC เซิร์ฟเวอร์ (แนะนำให้ใช้ Group) เสร็จแล้วคลิก Next

AD Domain Services Installation Wizard

15. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Location of Database. Log Files. and SYSVOL ขอแนะนำให้ใช้ค่าที่วินโดวส์กำหนดให้ แต่หากต้องการกำหนดค่าเองก็สามารถทำได้โดยป้อนค่าที่ต้องการในช่อง Database folder, Log folder และ SYSVOL folder เสร็จแล้วคลิก Next

Location of Database. Log Files. and SYSVOL

16. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Directory Services Restore Mode Administrator Password ให้ป้อนรหัสผ่านที่ต้องการในช่อง Password และ ในช่อง Confirm password เสร็จแล้วคลิก Next

AD Services Restore Mode Administrator Password

17. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Summary ให้คลิก Next

หมายเหตุ: สามารถทำการส่งออกการกำหนดค่าได้โดยการคลิกที่ Export settings

Summary

18. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Active Directory Domain Services Installation Wizard ให้รอจนระบบจะทำการติดตั้ง Active Directory แล้วเสร็จ

หมายเหตุ: หากต้องการให้ระบบทำการรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติให้คลิกเลือก เช็คบ็อกซ์ Reboot on complete ซึ่งระบบจะทำการรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องทำขั้นตอนที่ 19 และ 20

19. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Completing the Active Directory Domain Services Installation Wizard ให้คลิก Finish
Finish

20. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ถัดไปให้คลิก Restart Now

Restart Now

หลังจากทำการรีสตาร์ทเสร็จ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ก็จะทำหน้าที่เป็น Read-Only Domain Controllers (RODC) สำหรับการให้บริการ Active Directory Domain Services (AD DS) แก่สำนักงานสาขา ในส่วนวิธีการจัดการเซิร์ฟเวอร์นั้นจะนำม่โพสต์ในโอกาศต่อๆ ไปครับ