12/18/2561

การตรวจสอบและแก้ไขปัญหา ของระบบเครือข่าย

การตรวจสอบและแก้ไขปัญหา ของระบบเครือข่าย

สาระสำคัญ

ปัญหาของระบบเครือข่ายเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งในบางครั้งจำเป็นต้องใช้เวลาตรวจสอบ ดังนั้น การตรวจสอบดังกล่าวจะต้องดำเนินการไปทีละอย่าง เพื่อหาจุดบกพร่องบนเครือข่ายว่าต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้นั้นเกิดจากสาเหตุใดโดยเนื้อหาต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างการตรวจสอบหาข้อบกพร่องเบื้องต้น

สาระการเรียนรู้

1. การตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ 2. การทดสอบติดต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทาง 3. การตรวจสอบการตั้งค่าในเวิร์คกรุ๊ป

สมรรถนะประจำหน่วย 1. ประยุกต์ใช้งานเครือข่ายในการปฏิบัติงานขององค์กร

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. สามารถตรวจสอบข้อบกพร่องของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ส่งผลกระทบต่อการเชื่อมต่อเครือข่าย 2. สามารถปรับปรุงและติดตั้งค่าต่าง ๆ เพื่อให้ระบบสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้สำเร็จ 3. ฝึกวิเคราะห์ปัญหาด้านเครือข่าย และหาหนทางแก้ไขได้ตรงจุด 4. สามารถนำความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาของระบบเครือข่ายไปประยุกต์ใช้งานจริงได้อย่างเหมาะสม


1. การตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์

ปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ถูกติดตั้งไม่ดีพอให้ไม่สามารถเชื่อมต่อเข้าเครือข่ายได้ โดยเบื้องต้นในที่นี้จะดำเนินการตรวจสอบอุปกรณ์การ์ดเครือข่ายและอุปกรณ์ฮับและสายแลน เบื้องต้น

การตรวจการ์ดเครือข่าย

1. ที่เดสก์ท็อป ให้คลิกขวาที่ไอคอน My Computer แล้วเลือกรายการ Properties

2. คลิกที่แท็บ Hardware

3. คลิกที่ปุ่ม Device Manager


4. ให้ตรวจสอบดูอุปกรณ์เครือข่ายตรง Network Adapter หากพบสัญลักษณ์เป็นเครื่องหมายตกใจ ในหมายความว่าพบปัญหาเบื้องต้นที่การ์ดเครือข่ายแล้ว ซึ้งอาจเกิดจากการไม่ได้ติดตั้งไดรฟ์เวอร์ของการ์ดเครือข่ายบนเครื่องนั้น ๆ

5. ทำการคลิกขวาที่ชื่อการเครือข่ายนั้นแล้วเลือกรายการ Properties




6. คลิกที่แท็บ Driver

7. คลิกปุ่ม Updarte Driver



8. กำหนดให้เครื่องค้นหาแบบอัตโนมัติ ด้วยการเลือกรายการ Install the software automatically แล้วคลิกปุ่ม Next


9. เมื่ออัพเดตเรียบร้อยแล้วให้คลิก Finish

10. จากนั้นให้คลิก Close

ตรวจสอบสายแลน

ให้ดำเนินการตรวจสอบสายแลนว่าได้เสียบเข้าไปในเครื่องเรียบร้อยแล้วหรือยังรวมถึงสายแลนที่ใช้เชื่อมต่อจะต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และหากเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงสองเครื่องสายแลนจะต้องเป็นชนิดสายไขว้

โดยตรวจสอบปลั๊กสายแลนว่าเสียบเข้าเครื่องแล้วหรือยัง



ตรวจสอบอุปกรณ์ฮับหรือสวิตช์



ในกรณีที่เครือข่ายฮับหรือสวิตช์ให้ดำเนินการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ฮับหรือสวิตช์เสียบปลั๊กไฟหรือยัง รวมถึงปลั๊กสายแลนว่าเชื่อมต่อลงในแต่ละพอร์ตแน่นหรือไม่


2. การทดสอบการติดต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทาง

ในกรณีเกิดปัญหาที่เครื่องบนเครือข่ายไม่สามารถกับเครื่องปลายทางได้ให้ดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนนี้

1. เข้าไปที่ Network Connections หากเป็นไปดังรูป ยังไม่ได้เสียบสายแลนให้ดำเนินการเสียบสายแลนเพื่อเชื่อมต่อแต่ละเครื่องให้เรียบร้อย

2. หากไอคอนมีสัญลักษณ์เป็นเครื่องหมายตกใจ แปลว่าเชื่อมต่อไม่ได้ จะต้องทำการตั้งค่าใหม่


3. ให้คลิกขวาแล้วเลือกรายการ Properties


4. ตรวจสอบการคลิกเครื่องหมายถูก โดยให้คลิกตามรูป จากนั้นคลิกรายการ Internet Protocol แล้วคลิก OK

5. กรอกชุดหมายเลขไอพีลงไป ซึ่งต้องกำหนดตัวเลขให้ตรงกลุ่มกัน เช่น 192.168.1 ส่วนตัวสุดท้ายคือหมายเลขประจำเครื่อง ซึ่งจะต้องมีค่าแตกต่างกัน โดยในที่นี้กำหนดเป็นหมายเลข 5 และซับเน็ต คือ 255.255.255.0 เหมือนกันทุกเครื่อง แล้วกดปุ่ม OK



6. คลิกเครื่องหมายถูกตรงเซกบ๊อกซ์ Show icon notification area when connected แล้วตามด้วยคลิกปุ่ม Close

7. เครื่องได้เชื่อมโยงเข้าเครือข่ายแล้ว


8. ไอคอนได้เปลี่ยนรูปเป็นดังนี้ ซึ่งหมายความว่าเชื่อมโยงเครือข่ายแล้ว


9. ไปที่ทาสก์บาร์ ดับเบิลคลิก

ดูตรงข้อความที่ลูกศรชี้จะเห็นว่าได้เชื่อมต่อจริง

ทีความเร็ว 100 Mbps




10. คลิกที่แท็บ Support แล้วดูที่ลูกศรชี้



ก็จะพบหมายเลขไอพีแอดเดรสของเครื่อง

11. จากนั้นให้ทดลองใช้คำสั่ง Ping เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อกับเครื่องอื่น ๆ บนเครือข่ายหายเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทางได้ก็จะมีการตอบกับมาดังรูป

12. หากมีการตอบรับกับมาเป็น Time Out หมายความว่าเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทางไม่ได้ ให้กลับไปตรวจสอบตามขั้นตอนที่ 1 ใหม่อีกครั้ง


3. การตรวจสอบการตั้งค่าในเวิร์คกรุ๊ป

กรณีเครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือข่ายไม่สามารถเข้าไปเป็นสมาชิกในเวิร์คกรุ๊ปได้ให้ดำเนินการตรวจตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ขั้นตอนแรก ให้ตรวจสอบไฟร์วอลล์ก่อน ด้วยการไปที่ Control Panel แล้วดับเบิลคลิกที่ไอคอน Windows Firewall หากได้ติดตั้งค่าดังกล่าวแล้วสามารถข้ามไปขั้นตอนที่ 5 ได้เลย



2. จะแสดงไดอะล๊อกบ๊อกซ์ Windows Firewall ดังรูป







3. คลิกที่แท็บ Execptions

4. คลิกที่เครื่องหมายถูกที่ File

and Printer Sharing แล้ว

ตามด้วยปุ่ม OK


5. เข้าไปที่ My Network Places แล้วคลิกที่รายการ View workgroup computers หากพบว่าเครื่องเราพบอยู่โดด ๆ ไม่พบเครื่องอื่น ๆ เลย ในขณะที่เครื่องอื่นพบสมาชิกในเครือข่ายให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่ากรอกชื่อเวิร์คกรุ๊ปไม่ตรงกัน

6. แก้ไขใหม่ด้วยการคลิกขวาที่ไอคอน



My Computer แล้วเลือกรายการ Properties

  








7. คลิกที่แท็บ Computer Name


8. คลิกปุ่ม Change…….



9. กรอกชื่อเวิร์คกรุ๊ปให้ถูกต้อง


10. แสดงข้อความเข้าสู่เวิร์คกรุ๊ป Workgroup 11. แล้วบู๊ตเครื่องใหม่


12. เข้าไปที่ My Network Places แล้วคลิก


ที่ View workgroup computers ก็จะพบว่า


เครื่องอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายบน


เวิร์คกรุ๊ป workgroup





ปัญหาของระบบเครือข่ายสามารถเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบหาข้อบกพร่อง ดังนั้น ควรตรวจสอบที่ละขั้น ทีละจุด เพื่อหาต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้ไม่สามรถเชื่อมต่อเครือข่ายได้นั้นเกิดจากสาเหตุใด


การตรวจสอบหาข้อบกพร่องบนเครือข่าย สามารถตรวจได้จาก

1. ตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น
- ตรวจสอบการ์ดเครือข่าย
- ตรวจสอบสายแลน
- ตรวจสอบอุปกรณ์ฮับหรือสวิตซ์

2. ตรวจสอบการทดสอบการติดต่อกับคอมพิวเตอร์ปลายทาง

3. ตรวจสอบการติดตั้งค่าในเวิร์คกรุ๊ป

ตรวจสอบปัญหา Network ง่ายๆด้วย Ping Plotter

ไม่ได้เขียนเรื่องของโปรแกรมแจกฟรีตั้งนาน หลังจากที่มาทำงานด้านเน็ตเวิร์คเต็มตัวก็ไม่ได้หาพวก Freeware มาใช้ซักเท่าไหร่ เพราะว่า โปรแกรมสายทำงานต้องซื้อทั้งนั้นเลยครับ ของฟรีมันไม่พอใช้งานจริงๆ แต่ไปเจอโปรแกรมมาตัวนึงที่ถึงจะเป็นของฟรี แต่ก็พอฝากชีวิตเอาไว้ได้ เป็นโปรแกรมตรวจสอบ Network ที่ช่วยให้คุณเห็นภาพว่า ปัญหาของ Network ที่คุณเจออยู่มันเกิดจาก ตัวคุณ / อุปกรณ์ที่บ้านคุณ หรือเป็นที่ ISP กันแน่ครับ
โปรแกรมตัวนี้ชื่อว่า Ping Plotter ครับ
ก่อนอื่นต้องอธิบายเครื่องมือที่บรรดา Network Admin ทั้งหลายใช้กันบ่อยที่สุดในโลกนี้ คำสั่งนั้นก็คือ ping ครับ
snag-0097
Ping เป็นคำสั่งที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลขนาดเล็กๆไปยัง Network ปลายทาง แล้วถ้าเกิด Network นั้นทางนั้นมีเครื่องที่ทำงานอยู่ มันก็จะตอบกลับมาเป็นอย่างในรูปนี้ครับ อย่างในรูปผม ping ไปยัง Router ของผมที่ IP Address 192.168.3.1 ซึ่งถ้าทุกอย่างทำงานปกติ เราก็จะได้ Reply from อย่างในรูป ซึ่งส่วนสำคัญนอกเหนือจาก Network ปลายทาง Reply เรามาหรือเปล่า มันยังมีค่าของ time ที่เป็นความเร็วในการตอบกลับจาก Network ปลายทางด้วย
ยิ่ง time น้อย แปลว่า Network ยิ่งเร็วครับ โดยทั่วๆไป ถ้าเรา ping บนสาย LAN ไปยังเครื่องที่อยู่บน LAN เดียวกัน ตัวเวลาน่าจะน้อยกว่า 1ms ส่วนบน WIFI ถ้าคุณภาพดีๆก็จะ 1 – 2 MS แบบในรูปครับ
ถ้าเรา Ping ออกไปใน Internet ถ้าเป็นในประเทศ ควรจะได้เวลาอยู่ที่ 50-80 MS ถ้ามากกว่านั้น ค่อนข้างเรียกว่าอืดแล้ว ส่วนการ Ping ไปยังต่างประเทศต้องดูเป็นประเทศๆไปนะครับ
ทีนี้ คำสั่ง Ping มันเป็นคำสั่งที่ง่ายๆ ครับ มันบอกแค่ว่า เครื่องปลายทางอยู่หรือเปล่า ส่วนเวลาก็บอกแค่ว่า เส้นทางจากเราไปยัง เครื่องปลายทางมันดีหรือไม่ดี
ทีนี้ถ้าเกิดมันไม่ดี (ค่า time มันสูง) แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นที่ตรงไหน) ตรงนี้เราก็ใช้เจ้าโปรแกรม Ping Plotter เนี่ยแหละครับมาช่วย
snag-0096
ความสามารถของ Ping Plotter ก็คือ นอกเหนือจากการ Ping ไปยังปลายทางแล้ว มันยัง Ping ไปยังทุก Network ที่มันวิ่งผ่านเพื่อบอกให้รู้ว่า จากเรา ถึงเครื่องปลายทาง คุณวิ่งผ่าน Network อะไรบ้าง แล้วถ้ามีปัญหาช้าเนี่ย มันเกิดจากตรงไหนกัน
snag-0098
อย่างในรูป ผมทดสอบ Ping ที่ Google DNS ที่เลข IP 8.8.8.8 ผมเห็นว่า ค่าเวลาที่ได้คือประมาณ 54-55 MS แต่ถ้าผมอยากจะดูละเอียดมากขึ้นว่า เส้นทางจากผมไปถึง Google DNS เนี่ย มันไปอืดตรงไหน ผมเอา IP 8.8.8.8 ใส่ใน Ping Plotter แล้วก็กดให้มันทำงานเลยครับ
snag-0095
ตัว Ping Plotter จะเก็บค่าสถิติไปเรื่อยๆครับ ว่าจากผม ถึง Google DNS มันผ่าน Network ไหนบ้าง แล้ว Network ไหน ออกอาการอึดๆ (กราฟเด้งไปอยู่โซนสีแดง) ซึ่งตรงนี้เราสามารถใช้ตรงสอบเวลาเน็ตเราช้าได้นะครับ
วิธีการทดสอบก็คือ ให้คุณใช้ Ping Plotter ให้มัน Ping ไปที่ 8.8.8.8 ที่เป็น Google DNS นี่แหละ แล้วปล่อยไว้ซักพัก ให้มันเก็บข้อมูลทิ้งไว้
ถ้ามันอืดที่ Hop ที่ 1 (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น Router ที่บ้านคุณเอง) แล้ว Hop อื่นปกติ แปลว่า Network ที่บ้านคุณห่วย (WIFI ห่วย / สาย LAN ห่วย / Router ห่วย หรืออะไรห่วยก็ต้องมานั่งวิเคราะห์อีกที)
ถ้ามันอืดที่ Hop อื่นๆ แปลว่าเป็นที่ ISP ครับ
ง่ายๆ แค่นี้แหละ
แต่มันก็มีหลายเคสครับ อย่างบางที ตอนนั้นเหล่าบรรดาคนเล่นเกม World of Warcraft ที่ Server Australia บ่นกันว่าช้ามาก  ผมก็ลองทำ Ping Plotter ไปที่ปลายทาง
snag-0077
จะเห็นว่า Hop ล่างๆ แดงเถือก โอเค อันนี้ เกิดจากปัญหาเมื่อเข้าประเทศออสเตรเลียไปแล้ว อันนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ต้องให้ทางออสเตรเลียเค้าแก้ไขกันเอง ซึ่งการใช้ Ping Plotter จะทำให้เราด่าได้ถูกคนเวลาที่ Net มีปัญหาครับ เราจะรู้ได้ว่า เราควรจะด่าตัวเอง ด่า ISP หรือ ด่า Server ปลายทางกันแน่
Ping Plotter แจกฟรีครับ แต่ก็มีกดดันให้ไปซื้อตัว Pro อยู่เรื่อยๆ ไม่ต้องทำอะไร กดใช้ฟรีไปเรื่อยๆครับ แค่ฟีเจอร์แบบโปรๆ มันไม่ได้ใช้กันทุกคนเท่านั้นเอง คือแบบ สำหรับมือใหม่ แค่ตัวฟรีก็ OK แล้ว มีทั้งบน Windows , iOS / Mac ครับ จัดไปเลย
รายละเอียดโปรแกรม
ชื่อ : Ping Plotter
โดย : PingMan Tools
ขนาด : 13.6MB

การดูแลรักษาและความปลอดภัยบนระบบเครือข่าย

การดูแลรักษาและความปลอดภัยบนระบบเครือข่าย


การดูแลรักษาระบบเครือข่าย โดยพื้นฐานแล้วจะครอบคลุมเกี่ยวกับงานต่อไปนี้
1.การจัดเก็บสถิติการทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์



2.การตรวจสอบไวรัสคอมพิวเตอร์






3.การสำรองข้อมูล



4.การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน



5.การซ่อมบำรุง



6.การติดตามงานรับประกัน



มาตรการความปลอดภัยขั้นพื้นฐานบนระบบเครือข่าย ประกอบด้วย

1.ความปลอดภัยบนสภาพแวดล้อมภายนอก

2.ความปลอดภัยด้านการปฏิบัติงาน
3.การตรวจตราเฝ้าระวัง

4.การใช้รหัสผ่าน และระบบแสดงตัวตน

5.ระบบการตรวจสอบ

6.การกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึง

7.การป้องกันไวรัส

วิธีโจมตีระบบ บนระบบเครือข่ายสามารถถูกโจมตีได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

1.การโจมตีเพื่อเจาะระบบ

2.การโจมตีเพื่อปฏิเสธการให้บริการ

3.การโจมตีแบบไม่ระบุเป้าหมาย

11/08/2561

NetSupport Manager 12 0 0 1000

NetSupport Manager 12.0.0.1000

ข้อมูลโปรแกรม
โปรแกรม : Net Support Manager
เวอร์ชั่น : 12.0.0.1000
เว็บไซต์ : http://www.netsupportmanager.com




การใช้งานแบบเวอร์ชั่นเต็ม

รายละเอียดโปรแกรม : Net Support Manager เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับจัดการเครื่องภายระยะไกล หรือ Remote รองรับหลากหลายอุปกรณ์ และหลากหลายแพลทฟอร์ม ทำให้การจัดการอุปกรณ์ต่างๆ เป็นเรื่องง่าย เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลาย

บันทึกการเปลี่ยนแปลง เวอร์ชั่น : 12.0.0.1000
คลิกลิงค์ : http://www.netsupportmanager.com/v12page.asp

วิธีติดตั้ง :
Step 1: ขั้นที่ 1: ถอนการติดตั้งรุ่นก่อนหน้าออก (หากเคยติดตั้งโปแกรมนี้ในเวอร์ชัั่นอื่นมาก่อน)

Step 2: ติดตั้งโปรแกรมโดยเลือก 30 days evalution ในขณะติดตั้ง.

Step 3: หลังจากติดตั้งเสร็จให้รันโปรแกรมดู เพื่อตรวจดูว่าไม่มีปัญหาใด.

Step 4: หลังจากนั้นปิดโปรแกรมออก.

Step 5: ปิด client process (โดยคลิกขวาที่ taskbar, เลือก taskmanager, ในแท็บ process เลือก all nsm instances และคลิกขวาเลือก "End Process" เพื่อปิดการทำงานของโปรแกรม)

Step 6: หยุดการทำงาน nsm service ถ้ามันยังรันอยู่ พิมพ์ services.msc ในสตาร์ตเมนู ช่องรันแล้วกด Enter. ค้นหาไฟล์ชื่อ nsm service. ถ้าเจอ, ให้คลิกแล้วเลือกปุ่ม Stop)

Step 7: คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในโฟลเดอร์ Crack ไปวางในโฟลเดรอ์ที่ติดตั้งโปรแกรม โดยปกติจะอยู่ที่ C:Program FilesNetSupportNetSupport Manager (เว้นแต่ตอนติดตั้งได้เลือกติดตั้งไว้ที่อื่น)

Step 8: รันโปรแกรม. แล้วคลิกที่เมนู Help เลือก About.

Step 9: ในหน้า About ให้คลิกแท็บที่ชื่อ licence.

Step 10: จากนั้นรันโปรแกรม Keygen ใส่ Licence และจำนวน Client (จำนวนเครื่องลูก) ตามต้องการ.

Step 11: คลิกปุ่ม generate แล้วคัดลอก Licence, Serial, Max Clients และ Auth code จาก โปรแกรม keygen ไปวางใส่ในแท็บ licence.

Step 12: กดปุ่ม OK

Step 13: ปิด nsm

Step 14: รัน nsm อีกครั้ง. จะเจอหน้าต่างถามให้ Active

Step 15: คลิก the licence name แล้วเลือก OK

Step 16: คัดลอก Auth Code จาก activation window ไปวางในโปรแกรม keygen แล้วคลิกปุ่ม Generate.

Step 17: คัดลอก Activate codeจากโปรแกรม Keygen ไปวางใส่ใน activation window แล้วคลิก OK

Step 18: ปิด nsm

Step 19: เปิด nsm แล้วคลิกเมนู help ---> about , แล้วไปที่แท็บ licence . แล้วจะเห็นคำว่า activated ซึ่งแสดงว่า Active สำเร็จแล้ว.

Step 20: หากต้องการสนับสนุนเจ้าของผลิตภัณฑ์ โปรดใช้ของแท้!


โปรแกรมควบคุมคอมพิวเตอร์ในห้องเรียน ขั้นตอนติดตั้งบน Windows 8.1

โปรแกรมควบคุมคอมพิวเตอร์ในห้องเรียน

บันทึกนี้ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 29-10-2558
เขียนครั้งแรกโดย วิภัทร ศรุติพรหม
ดูแลโดย WIBOON

  • เป็นซอฟต์แวร์ชนิดโอเพนซอร์ส มีทั้งรุ่นใช้บนวินโดวส์และลินุกซ์
  • เป็นโปรแกรมควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้เรียน เหมาะสำหรับห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
  • ต้นฉบับจาก http://italc.sourceforge.net
  • คำแนะนำการใช้งาน http://italc.sf.net/wiki
  • ยังไม่ได้ทดสอบว่าใช้งานได้สูงสุดกี่เครื่อง และเงื่อนไขที่ทำได้คืออะไร
  • เวอร์ชั่น 2.0.2 ทดสอบแล้วบนวินโดวส์ 7 หรือ วินโดวส์ 8.1
    แบบ 32 bit ดาวน์โหลดได้จาก http://ftp.psu.ac.th/pub/italc/italc-2.0.2-win32-setup.exe
    แบบ 64 bit ดาวน์โหลดได้จาก http://ftp.psu.ac.th/pub/italc/italc-2.0.2-win64-setup.exe
  • เวอร์ชั่น 2.0.1 ทดสอบแล้วบน Linux Mint 17.1 คลิกเพื่ออ่าน

ตัวอย่างขั้นตอนติดตั้งบน Windows 8.1
  1. วิธีติดตั้งสำหรับเครื่องผู้สอน (เครื่องแม่) การติดตั้งต้องเป็นผู้ใช้ที่มีสิทธิระดับเดียวกับ Administrator
    ติดตั้งด้วยโปรแกรม iTALC 2.0.2
    ได้หน้าต่าง Welcome to the iTALC Setup Wizard ให้คลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง License Agreement ให้คลิกปุ่ม I agree
    ได้หน้าต่าง Choose Install Location ยังคงเดิมเป็น C:\Program Files\iTALC แล้วคลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง Choose Components ยังคงเดิมเลือกทั้ง iTALC Service และ iTALC Master แล้วคลิกปุ่ม Next >
    แล้วคลิกปุ่ม Install
    โปรแกรมจะติดตั้งไปเรื่อยๆ จนเสร็จได้หน้าต่างว่า Completing the iTALC Setup Wizard
    โปรแกรมติดตั้งจะสร้างไอคอนไว้ในหน้า Apps ชื่อ iTALC และ iTALC Management Console ของ Windows ให้ด้วย
    ยังคงเลือก Run iTALC Management Console now แล้วคลิกปุ่ม Finish

    โปรแกรมเปลี่ยนไปได้หน้าต่าง iTALC Management Console
    ช่องด้านซ้าย รายการ iTALC Server ให้เลือก Demo server Backend เป็น iTALC 1 demo server
    รายการ Paths ไม่เปลี่ยนแปลง
    ต่อไปให้เลือกหัวข้อ Authentication
    แล้วไปดูช่องด้านขวา ให้ยกเลิกไม่ติ๊ก ACL-based logon authentication
    ต่อไปคลิกปุ่ม Launch key file assistant
    ได้หน้าต่าง Create/Import iTALC access keys ให้คลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง Assistant mode ให้คลิกเลือกเป็น Create new access keys (master computer) แล้วคลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง Select user role ให้ยังคงเลือกเป็น Teacher แล้วคลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง Directories ให้ยังคงติ๊กหัวข้อ Export public key part (master computer) และระบุ path ที่จะวางไฟล์ที่จะนำไปใช้กับเครื่องผู้เรียน
    แล้วคลิกปุ่ม Summary ไปเลือกพื้นที่เป็น C:\ แล้วคลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง Key directories ไม่ต้องแก้ไขอะไรให้คงค่าเดิม แล้วคลิกปุ่ม Finish
    ตอนนี้ก็จะได้ public key เป็นแฟ้มอยู่ที่ path:\italc_public_key.key.txt
    ให้คัดลอกแฟ้ม italc_public_key.key.txt นี้เก็บไว้ เพื่อเอาไปใส่ที่เครื่องลูกข่าย
  2. วิธีติดตั้งสำหรับเครื่องผู้เรียน (เครื่องลูก) การติดตั้งต้องเป็นผู้ใช้ที่มีสิทธิระดับเดียวกับ Administrator
    เตรียม public key แฟ้ม italc_public_key.key.txt ให้พร้อม
    ติดตั้งด้วยโปรแกรม iTALC 2.0.2
    ได้หน้าต่าง Welcome to the iTALC Setup Wizard ให้คลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง License Agreement ให้คลิกปุ่ม I agree
    ได้หน้าต่าง Choose Install Location ยังคงเดิมเป็น C:\Program Files\iTALC แล้วคลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง Choose Components ให้ยกเลิกไม่ต้องติ๊ก iTALC Master แล้วคลิกปุ่ม Next >
    แล้วคลิกปุ่ม Install
    โปรแกรมจะติดตั้งไปเรื่อย ๆ จนเสร็จได้หน้าต่างว่า Completing the iTALC Setup Wizard
    ยังคงเลือก Run iTALC Management Console now แล้วคลิกปุ่ม Finish

    โปรแกรมเปลี่ยนไปได้หน้าต่าง iTALC Management Console
    ช่องด้านซ้าย รายการ General เลือก Hide tray icon
    ช่องด้านซ้าย รายการ iTALC Server ให้เลือก Demo server Backend เป็น iTALC 1 demo server
    รายการ Paths ไม่เปลี่ยนแปลง
    ต่อไปให้เลือกหัวข้อ Authentication
    แล้วไปดูช่องด้านขวา ให้ยกเลิกไม่ติ๊ก ACL-based logon authentication
    ต่อไปให้คลิกปุ่ม Launch key file assistant
    ได้หน้าต่าง Create/Import iTALC access keys ให้คลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง Assistant mode ให้คลิกเลือกเป็น Import public key (client computer) แล้วคลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง Select user role ให้ยังคงเลือกเป็น Teacher แล้วคลิกปุ่ม Next >
    ที่ช่อง please scpecify the location of the public access key to be imported.
    ให้เลือกไปยังพื้นที่ที่เก็บแฟ้ม italc_public_key.key.txt ที่เตรียมไว้ แล้วคลิกปุ่ม Next >
    ได้หน้าต่าง Summary ให้คลิกปุ่ม Finish

การตั้งค่าครั้งแรกก่อนใช้งาน (ที่เครื่องผู้สอน)
  1. ก่อนใช้งานต้องเพิ่ม classroom และเพิ่ม computer เข้าไปก่อน
    ให้ไปเปิดโปรแกรม iTALC แม่ข่าย ไปที่แถบเมนูด้านซ้าย(แนวดิ่ง) ปุ่มที่ 2 หัวข้อ Classroom-Manager
    ให้คลิกขวา Add Classroom และ Add Computer ใส่แต่เลข ip ของเครื่องลูกข่ายก็พอ

    วิธีสร้าง class room ขึ้นมา 1 ชื่อ มีขั้นตอนอย่างละเอียดดังนี้
    คลิกที่ไอคอนอันที่สองที่แถบด้านซ้าย Classroom-Manager
    คลิกขวาเลือก Add classroom
    หัวข้อ New classroom ตั้งชื่อ classroom ตามต้องการ แล้วคลิก OK
    คลิกขวาเลือก Add computer
    หัวข้อ Add computer ตั้งค่า Client settings ดังนี้
    IP/hostname: ใส่ IP ที่ถูกต้อง
    Name: ตั้งชื่อตามต้องการ
    MAC address: ใส่ในรูปแบบ xx:xx:xx:xx:xx:xx (เผื่อต้องการใช้งานเรื่อง Wake on LAN หรือ Power On)
    Classroom: เลือกชื่อ classroom ที่สร้างไว้
    Type: เลือกเป็นชนิด Student computer

การใช้งาน (ที่เครื่องผู้สอน)
  1. ถ้ายังไม่ได้เปิดโปรแกรม ให้ไปเปิดโปรแกรม iTALC
  2. การใช้งานต้องไปที่เมนูด้านบน(แนวนอน) คลิกหัวข้อ Classroom แล้วเลือก classroom ที่ต้องการควบคุมพร้อมกันทุกเครื่อง
    จะได้จอเล็กของคอมพิวเตอร์ลูกข่ายแต่ละเครื่องออกมาใช้งาน
  3. เราสามารถควบคุมเฉพาะเครื่องได้ โดยการคลิกขวาที่เครื่องที่ต้องการ แล้วเลือกคำสั่งที่ต้องการ

โปรแกรมควบคุมคอมพิวเตอร์ในห้องเรียน iTALC 2.0.2

italc-installation-2-window
มาแนะนำกันอีกสักรอบสำหรับ iTALC 2.0.2 โปรแกรมควบคุมคอมพิวเตอร์ในห้องเรียน เป็นซอฟต์แวร์ชนิดโอเพนซอร์สที่บางคนก็ได้ลองใช้ในเวอร์ชั่นแรก ๆ ไปบ้างแล้ว ผมลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ผู้สร้างโปรแกรมก็เห็นว่ายังคงอัปเดตปรับปรุงโปรแกรมกันอยู่ถึงปัจจุบัน ก็เลยสนใจลองทดสอบดูครับ
iTALC ทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น ผู้สอนสามารถ Lock หน้าจอเครื่องผู้เรียน สามารถส่งภาพหน้าจอเครื่องผู้สอนไปยังหน้าจอเครื่องผู้เรียนได้ สามารถรีโมทคอนโทรลเข้าไปเครื่องผู้เรียนได้ สั่งปิดเครื่องทุกเครื่องได้ หรือ สั่งเปิดเครื่องได้หาก BIOS พร้อมใช้งาน
ดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่ http://italc.sourceforge.net/
italc-installation-1-file
ติดตั้งเสร็จจะได้ไอคอนที่หน้า Desktop ดังรูป
italc-installed-desktop-window
และไอคอนที่หน้า Apps ดังรูป
italc-installed-apps-window
โปรแกรม iTALC Management Console
italc-management-4-export-key-1-window
เครื่องผู้สอน จะเรียกว่า master computer ในขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมที่เครื่องผู้สอน ให้เลือก component iTALC service และ iTALC master และให้เลือก Create new access keys
italc-installation-3-choose-window
เครื่องผู้เรียน จะเรียกว่า client computer ในขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมที่เครื่องผู้เรียน ให้เลือก component iTALC service แต่ไม่เลือก iTALC master และให้เลือก Import public key
italc-management-4-export-key-2-window
วิธีที่จะทำให้เครื่องผู้สอนควบคุมเครื่องผู้เรียนได้ก็คือการ export public key ซึ่งจะได้ไฟล์ชื่อ italc_public_key.key.txt ด้วยโปรแกรม iTALC Management Console นั้นเช่นกัน
italc-management-4-export-key-4-window
แล้วนำไปใส่เข้าในเครื่องผู้เรียนด้วยโปรแกรมเดียวกัน
italc-management-import-key-3-window
เมื่อทำขั้นตอนติดตั้งเสร็จแล้ว ก็เป็นการตั้ง classroom ว่าชื่ออะไร และมีคอมพิวเตอร์ใดบ้าง (IP) อยู่ใน classroom นี้ แล้วก็ใช้งานซึ่งการใช้งานง่ายมากเลย
italc-setting-classroom-finished
ผมเขียนวิธีการสำหรับ Windows 8.1 ที่นี่ครับ
http://opensource.cc.psu.ac.th/โปรแกรมควบคุมคอมพิวเตอร์ในห้องเรียน
และวิธีการสำหรับ Linux Mint 17.1 ที่นี่ครับ
http://opensource.cc.psu.ac.th/ติดตั้ง_iTALC_บน_Linux_Mint
คำถามยอดฮิตคือ แล้วมันใช้ควบคุมได้กี่เครื่อง อันนี้ผมยังไม่ได้ทดสอบครับ ฮ่า ฮ่า รอท่านทดสอบแล้วบอกผมด้วยนะครับ
หวังว่าคงจะมีประโยชน์ อย่างน้อยที่สุดเอามาใช้ควบคุมเครื่องที่อยู่ในความดูแลไม่กี่เครื่องก็ใช้ได้นะ

11/07/2561

แนะนำโปรแกรม AnyDesk สำหรับรีโมทคอมพิวเตอร์ มือถือ ก็ได้

โปรแกรม AnyDesk สำหรับรีโมท

โหลดได้ที่เว็บนี้นะครับ 
https://anydesk.com/remote-desktop

 AnyDesk (โปรแกรม AnyDesk ควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกล) : สำหรับโปรแกรมนี้มีนามว่า 
โปรแกรม AnyDesk เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับ ควบคุมหน้าจอ หรือที่บางคนเรียกว่า "Remote Desktop" 
นั่นเอง มีให้เราเลือกใช้หลาย แพลตฟอร์ม ตั้งแต่ Windows / Mac OS หรือแม้แต่ Linux 
นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถใช้งานร่วมกับ โทรศัพท์มือถือ ระบบ Android และ iOS ได้อีกด้วย

โดย โปรแกรมควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกล AnyDesk ตัวนี้ยังสามารถดูระบบคอมพิวเตอร์ได้ทั่วโลก
 ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดเพียงมีอินเตอร์ก็สามารถดูแลเครือข่ายของคุณได้ไม่ยากและที่สำคัญการเชื่อมต่อทุกครั้งรับรองได้ว่าปลอดภัยเพราะโปรแกรมนี้ใช้ระบบการรักษาความปลอดภัยเดียวกับที่ใช้ในการทำงานของธนาคารต่างๆ โดยมีการเข้ารหัสด้วยกระบวนการ Cryptographically อีกด้วย

เรียกได้ว่านอกจากเรื่องความปลอดภัยที่ไม่เป็นรองแล้ว โปรแกรม AnyDesk 
ตัวนี้ยังมีขนาดที่เล็ก เรียกใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องติดตั้ง ทำให้สามารถจับใส่ลงไปในยูเอสบีแฟรชไดร์ฟ 
(USB Flash Drive) เพื่อนำไปใช้งานนอกสถานที่ได้เลย

ในส่วนของหน้าตาการใช้งาน (User Interface) ของ โปรแกรมควบคุมหน้าจอ AnyDesk 
ถูกออกแบบมาให้ใช้ง่าย แบ่งส่วนการใช้งานเป็นแบบ Standdard และ Advance ตามทักษะการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน แยกส่วนการใช้งานออกเป็น Tap สำหรับผู้ใช้ที่ต้องควบคุมคอมพิวเตอร์ทีละหลายๆ เครื่อง 

หากใครที่กำลังมองหาโปรแกรมที่จะใช้ในการควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกล 
หรือกำลังมองหาโปรแกรมที่สามารถควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลจากคุณ ซึ่งสามารถควบคุมการทำงานได้รวดเร็ว ไม่มีกระตุกและสามารถควบคุมทุกอย่างบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่คุณรีโมทไป โปรแกรม AnyDesk ตัวนี้ คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี

Program Features (คุณสมบัติ และความสามารถของ โปรแกรมรีโมทคอมพิวเตอร์ AnyDesk เพิ่มเติม)

สามารถเชื่อมต่อได้รวดเร็ว ไม่มีกระตุก
มีการเข้ารหัสแบบเดียวกับที่ใช้ภายในระบบงานของธนาคาร
เชื่อมต่อได้ไม่มีพรมแดน เพียงมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
ควบคุมทุกอย่างบนเครื่องอื่นได้แบบไม่มีขีดจำกัด
โปรแกรมมีขนาดเล็กจึงสามารถพกพาไว้ใน USB ได้
เรียกใช้งานโปรแกรมได้ทันที ไม่ต้องติดตั้ง
และความสามารถอื่นๆ อีกมากมาย


10/17/2561

สอนวิธีรีทัชภาพ portrait ด้วย Photoshop แบบเร่งด่วน [TUTORIAL]

เคยมั้ยครับ ที่เราถ่ายรูปคน (portrait) แล้วไม่ถูกใจ อยากรีทัชแต่ไม่รู้ทำยังไง
มาวันนี้ ผมขอลงวิธีรีทัชง่ายๆ แบบเร่งด่วน ด้วยเครื่องมือพื้นฐานบน Adobe Photoshop (ใช้ได้ตั้งแต่รุ่น CS2 จนถึง CC เลย)
วิธีการนี้ คุณยังคงเก็บภาพต้นฉบับไว้ เพื่อที่ว่าวันหลังหากจะกลับมาตั้งต้นใหม่ ก็สามารถทำได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ต้องแจ้งให้ทราบตั้งแต่ต้นก่อนนะครับ ว่าวิธีการนี้
1. ไม่สามารถเอาไปใช้กับงานที่ต้องการความพิถีพิถัน เช่น รีทัชภาพนางแบบ นายแบบสำหรับงานโฆษณาตามนิตยสารสื่อสิ่งพิมพ์หรือบิลบอร์ด 
2. แต่เหมาะสำหรับมือสมัครเล่นที่ต้องการรีทัชภาพถ่ายบุคคล โดยใช้เวลาไม่มากครับ
3. ทั้งนี้ เพราะรายละเอียดต่างๆ เช่น รอยแผลเป็น หรือริ้วรอยแห่งวัย ยังคงอยู่ เพื่อสะท้อนอายุตามธรรมชาติของแบบครับ

หากต้องการจะทดลองทำตามวิธีนี้ ก็สามารถดาวน์โหลดรูปของคุณลุงบิล เมอร์เรย์จากช่างภาพ Martin Schoeller ได้ที่เว็บนี้ครับ
http://juicy.tuxboard.com/portraits-de-stars-sans-photoshop-par-martin-schoeller/



ส่วนท่านใดต้องการเรียนรู้ และศึกษาเพิ่มเติมจากนี้ ก็สามารถลองหาหนังสือของ Scott Kelby (มีแปลภาษาไทยแล้วนะครับ) ตามแผงหนังสือทั่วไปได้เลยครับ




1. ขั้นตอนแรก ลบสิวฝ้า และจุดด่างดำบนใบหน้า

หากคุณรอให้ครีมบำรุงผิวทำการลดรอยแห่งวัยทั้ง 7 ประการไม่ไหวแล้วล่ะก้อ ผมขอเสนอวิธีนี้ดีกว่าครับ

เริ่มจากทำการคัดลอกเลเยอร์ด้วยเมนู Layer > Duplicate Layer (หรือจะใช้วิธีลากเลเยอร์ไปที่ปุ่ม New Layer ที่สองจากขวาก็ได้ครับ)



ที่ทำเช่นนี้ เพื่อที่เราจะได้มีรูปต้นฉบับเก็บไว้ วันหลังกลับมาเปิดไฟล์ ก็สามารถเริ่มใหม่ได้ตั้งแต่ต้นครับ

ดับเบิ้ลคลิ้กที่ชื่อเลเยอร์ Background Copy แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรก็ได้ครับ ที่เราเข้าใจ (เช่น ลบสิว หรือ Base หรืออะไรก็ได้)

แล้วก็ใช้ Spot Healing Brush (กดแป้น J ที่คีย์บอร์ด) แล้วเช็คแถบตั้งค่าด้านบนสุดว่า Mode เป็น Normal และ Type เป็น Proximity Match หรือไม่
จากนั้น ก็ปรับขนาดพู่กันให้ไม่เล็กไม่ใหญ่มาก ให้พอดีๆ กับสิวและริ้วรอยครับ (สำหรับภาพนี้ผมตั้งไปที่ Size: 18 ครับ)



แล้วก็จิ้มไปที่หลุมสิว รอยด่างดำต่างๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าคุณลุงได้เลยครับ

ภาพที่ได้ในขั้นตอนนี้ ก็น่าจะประมาณนี้



2. ลบริ้วรอยแห่งวัย

ในขั้นตอนแรก เราลบจุดด่างดำ รอยสิวต่างๆ ไปแล้ว 
สังเกตว่ามุมขวาล่างของภาพจะเห็นสีส้มๆ อยู่ ถ้าขัดตา ก็จัดการได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลยก็ได้ครับ แต่ผมไม่สน เพราะไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับ tutorial ครั้งนี้ ที่เราต้องการรีทัชภาพอย่างเร่งด่วนครับ

ขั้นตอนที่สองนี้ เปรียบเสมือนการฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ เพื่อให้ผิวหน้าดูนุ่มนวลขึ้น แต่ข้อควรระวังคือ ไม่ควรทำให้หนักมือมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณลุงบิล จะกลายเป็นว่าผิวเต่งตึงดั่งหลานจัสติน บีเบอร์ มันจะไม่ธรรมชาติและดูตลกไป

2.1 เริ่มจากการ Duplicate Layer ที่เราลบสิวเสร็จแล้วอีกครั้งหนึ่ง (จะตั้งชื่อใหม่หรือไม่ก็ได้ครับ สำหรับเลเยอร์นี้)

2.2 อัพหน้าคุณลุง ด้วยเมนู Filter > Noise > Median ... แล้วตั้งค่าไปที่ 10 pixels (ค่านี้ไม่ตายตัวเท่าไหร่นัก ขึ้นอยู่กับขนาดของภาพ ถ้าภาพใหญ่มากๆ ค่านี้ก็อาจจะสูงกว่านี้ได้ อาจจะทดลองดูได้ครับ) หรือถ้ามีเวอร์ชั่นใหม่ๆ ก็อาจจะหาเวลาลอง Filter > Blur > Surface Blur ... ดูได้นะครับ ใช้ได้ดีเช่นกัน

ตอนนี้ เห็นภาพแล้วมันเบลอไปหมด ไม่ต้องตกใจนะครับ

2.3 ที่กล่อง Layer ลด Opacity ไปที่ 30% (บางสูตรก็ว่า 50% เช่นเคย ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละท่านครับ ยิ่งน้อย ภาพยิ่งดูเหมือนไม่ได้รีทัช แต่น้อยไปก็ไม่รู้จะทำทำไมเหมือนกัน เพราะงั้นตั้งกลางๆ ไว้ครับ)



2.4 สร้าง Mask สีดำ ด้วยการกด Alt + click (หรือ Option + click สำหรับ Mac) ที่ปุ่ม Create Mask ด้านล่างของกล่อง Layer



จะเห็นว่าภาพเบลอๆ ถูกซ่อนไปหมดแล้ว

2.5 ทีนี้ เราก็จะเรียกจัสติน เอ้ย คุณลุงบิลที่ผิวหน้านุ่มเนียนกลับคืนมาทีละน้อย ด้วยการใช้พู่กัน (Brush tool หรือกดปุ่ม B บนคีย์บอร์ด) แล้วตั้งค่า
- สี foreground ที่อยู่ทางแถบเครื่องมือด้านซ้ายล่างให้เป็นสีขาว และ


- ขนาดพู่กันให้ใหญ่ๆ ไว้ครับ (คลิ้กขวาที่ภาพ แล้วตั้งไปที่ 80 px และ Hardness สัก 20% ก็พอครับ) 

แล้วก็ละเลงไปบนผิวหน้าคุณลุงให้ทั่ว ยกเว้น ตา, ริมฝีปาก, และเส้นผม

2.6 รวมภาพที่ได้ไว้เป็นเลเยอร์ใหม่ด้วยคำสั่ง Ctrl + Alt + Shift + E (Command + Option + Shift + E สำหรับ Mac) แล้วตั้งชื่อเลเยอร์ให้ใหม่ ประมาณว่า หน้านวล หรือ Softened ก็ได้ครับ
ภาพที่ได้หลังจากขั้นตอนนี้ก็จะประมาณนี้ครับ


3. เพิ่มความคมชัดให้กับดวงตา, ปาก, เส้นผม

ถ้า​ ณ วินาทีนี้ คุณไม่มีเวลาแล้ว ก็อาจจะข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยก็ได้ครับ แต่ถ้ายังมีเวลาอีกสองนาที ก็ให้ดำเนินการดังนี้ครับ

3.1 Duplicate Layer หน้านวล เมื่อสักครู่อีกที แล้วใช้คำสั่ง Filter > Sharpen > Unsharp Mask ...
ตั้งค่าไปที่ 120%, 1 px, 3% ครับ ยิ่งมาก ภาพยิ่งแข็งครับ ตั้งให้พอดีๆ

3.2 ใช้วิธีเดียวกันกับขั้นตอน 2 ในการสร้าง Mask (กด Alt/Option + click ที่ปุ่ม Mask ในกล่อง Layer ด้านขวาล่าง)

3.3 ใช้พู่กัน (กดปุ่ม B) แล้วไประบายตา, ปาก, ผมให้ทั่วๆ

3.4 รวบเลเยอร์ด้วยคำสั่ง Ctrl + Alt + Shift + E (Command + Option + Shift + E สำหรับ Mac) แล้วตั้งชื่อเลเยอร์นี้ว่า Final หรือ Finished หรืออะไรก็ได้ที่คุณจะเข้าใจว่ามันคือภาพที่จะเอาไปใช้งาน

เพราะว่าเรารีทัชภาพเสร็จแล้วครับ ง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอนเท่านี้ (แหม่ แต่มี 2.1-2.6 กับ 3.1-3.4 อีกนะ 555) คุณลุงบิล ก็มีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ลงไปหลายปีเลยทีเดียวครับ ทั้งหมดทั้งมวล ไม่น่าจะใช้เวลาเกิน 5 นาทีต่อรูป

เท่านี้ เราก็เซฟไฟล์งานเป็นสองไฟล์ ไฟล์แรก สกุล .psd ต้นฉบับ ไว้สำหรับแก้ไขในภายหลัง กับ .jpg หรือ .tif สำหรับเอาไปใช้งาน หรืออัพลงเฟส/IG ได้ตามสบายเลยครับ


ป.ล. ถ้าสังเกต จะเห็นนะครับว่า ไม่มีขั้นตอนไหนเลย ที่ผมใช้คำสั่ง Image > Settings > Tint/Saturation ... หรืออื่นใด เพราะนั่นเป็นการปรับสีผิว ที่ถ้าไม่แม่นจริงๆ แล้ว จะกลายเป็นว่าไปเปลี่ยนสีผิวของแบบ ซึ่งไม่ใช่สีผิวที่แท้จริงนะครับ (บางครั้ง อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาได้)


ขอจบ tutorial แต่เพียงเท่านี้ ถ้ามีปัญหาสงสัยประการใด สามารถสอบถามมาได้เลยนะครับ หน้าไมค์หลังไมค์ก็ได้ หรือถ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้ ก็แชร์กันมาได้ครับ ผมเองก็ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ


Filter > Blur > Median Blur ?? คือตรงไหนครับ

ของผมมีแค่นี้จริงๆ Ps 6..