5/09/2556

วิธีเลือก ups



วามหมายของ UPS
           UPS เป็นคำย่อมาจากคำว่า Uninterruptible Power Supply หรือ "เครื่องสำรองไฟฟ้าและปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ" ถ้าแปลตรงตัว หมายถึง แหล่งจ่าย
พลังงานต่อเนื่อง
อาจกล่าวได้ว่า UPS ก็คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่สามารถทำการจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าและ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ได้อย่างต่อเนื่องแม้ในเวลาที่เกิดไฟดับหรือเกิดปัญหา แรงดันไฟฟ้าผันผวนผิดปกติ โดย UPS จะทำการปรับระดับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์
UPS มีหน้าที่หลัก คือ ป้องกันความเสียหายที่สามารถเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอ นิคส์ (โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อ) อันมีสาเหตุจากความผิดปกติของพลังงานไฟฟ้า เช่น ไฟตก, ไฟดับ, ไฟกระชากและไฟเกิน เป็นต้น รวมถึงมีหน้าที่ในการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองจากแบตเตอรี่ให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์เมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้า

หลักการทำงานทั่วไปของ UPS
          โดยทั่วไปแล้ว เมื่อ UPS รับพลังงานไฟฟ้าเข้ามา ไม่ว่าคุณภาพไฟฟ้าจะเป็นอย่างไรก็จะสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ ไฟฟ้าได้เป็นปกติ รวมถึงทำการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งหลักการของ UPS ก็คือ ใช้วิธีการแปลงไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แล้วเก็บสำรองไว้ในแบตเตอรี่ส่วนหนึ่ง และในกรณีที่เกิดปัญหาทางไฟฟ้า (เช่น ไฟดับ หรือคุณภาพไฟฟ้าผิดปกติ เป็นต้น) อุปกรณ์ไฟฟ้าไม่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าที่รับมาได้ UPS ก็จะเปลี่ยนไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากแบตเตอรี่ ให้กลายเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) แล้วจึงจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าตามปกติ

ส่วนประกอบสำคัญของ UPS
           เครื่องประจุแบตเตอรี่ (Charger) หรือ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า AC เป็น DC (Rectifier) ทำหน้าที่รับกระแสไฟฟ้า AC จากระบบจ่ายไฟ แปลงเป็นกระแส
ไฟฟ้า DC จากนั้นประจุเก็บไว้ในแบตเตอรี่
เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ทำหน้าที่รับกระแสไฟฟ้า DC จากเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า AC เป็น DC หรือแบตเตอรี่ และแปลงเป็นกระแสไฟฟ้า AC สำหรับใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์
แบตเตอรี่ (Battery) ทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าสำรองไว้ใช้ในกรณีเกิดปัญหาทางไฟฟ้า โดยจะจ่ายกระแสไฟฟ้า DC ให้กับเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าในกรณีที่ไม่สามารถรับกระแสไฟฟ้า AC จากระบบจ่ายไฟได้
ระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (Stabilizer) ทำหน้าที่ปรับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่และสม่ำเสมออยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า
  
ประโยชน์ของ UPS
        UPS สามารถช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอ นิคส์ (โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ) อันเนื่องมาจากกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติได้ (เช่น จากความบกพร่องของระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าเอง หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ - ฝนตกฟ้าคะนอง พายุฝน หรือจากการรบกวนของอุปกรณ์ไฟฟ้าในอาคารที่ใช้กระแสไฟฟ้าไม่สม่ำเสมอ ฯลฯ) ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติในแต่ละประเภท อาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ได้ โดย UPS จะทำหน้าที่ป้องกัน
คือ  จ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ เมื่อเกิดไฟดับหรือไฟตก เพื่อให้มีเวลาสำหรับการ Save ข้อมูล และไม่ทำให้ floppy disk และ hard disk เสียปรับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและอุ ปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ เมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้า เช่น ไฟตก, ไฟดับ, ไฟกระชาก และไฟเกิน เป็นต้น      ป้องกันสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าที่สามารถสร้างความเสียหายต่อข้อมูลและ อุปกรณ์ไฟฟ้าได้
ชนิดของ UPS
          Offline UPS หรือ Standby UPS       สภาวะ ไฟฟ้าปกติ อุปกรณ์ไฟฟ้า (Load) จะได้รับพลังงานไฟฟ้าจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้า (Main) จากการไฟฟ้าโดยตรง ในขณะเดียวกัน เครื่องประจุกระแสไฟฟ้า (Charger) จะทำการประจุกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ไปด้วย แต่เวลาที่ไฟฟ้าดับ แบตเตอรี่จะจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) เพื่อแปลงกระแสไฟฟ้าและจ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยใช้ตัวสับเปลี่ยน (Transfer Switch) สำหรับเลือกแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าระหว่างระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าหรือเครื่อง แปลงกระแสไฟฟ้ากรณีที่สภาวะไฟฟ้าปกติหรือกระแสไฟฟ้าผิดปกติเกิดขึ้นในช่วง เวลาที่สั้นมากจนตัวสับเปลี่ยน (Transfer Switch) สลับแหล่งจ่ายไฟฟ้าไม่ทัน พลังงานไฟฟ้าที่จ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าจะมาจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าโดยตรง ดังนั้น ถ้าคุณภาพไฟฟ้าจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าไม่ดี (เช่น ไฟตก, ไฟดับ, ไฟกระชาก หรือมีสัญญาณรบกวน ฯลฯ) อุปกรณ์ไฟฟ้าก็จะได้รับพลังงานไฟฟ้าคุณภาพไม่ดีเช่นเดียวกันเนื่องจาก UPS ชนิดนี้ถูกออกแบบให้ป้องกันกรณีเกิดไฟดับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันปัญหาแรงดันไฟฟ้าที่ผันผวนและสัญญาณรบกวนได้ จึงทำให้มีราคาถูกกว่า UPS ชนิดอื่นๆ และไม่เหมาะกับการใช้งานในบางพื้นที่ เช่น สถานที่ใกล้แหล่งกำเนิดกระแสไฟฟ้า อาทิ เขื่อน, สถานีไฟฟ้า และสถานีไฟฟ้าย่อย เป็นต้น รวมถึงไม่เหมาะกับการใช้งานในประเทศไทยด้วย เนื่องจากเกิดไฟตกบ่อยครั้ง
คุณสมบัติของ Offline UPS หรือ Standby UPS
    - ราคาถูก
    - ป้องกันปัญหาไฟดับได้เพียงอย่างเดียว
    - ไม่เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งกำเนิดไฟฟ้า, สถานีไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ
    - อายุการใช้งานของแบตเตอรี่และ UPS สั้น
Online Protection UPS หรือ Line Interactive UPS with Stabili
         จะพบว่า มีความคล้ายคลึงกับ Offline UPS มาก แต่จะมีส่วนที่เพิ่มขึ้นมา คือ ระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (Stabilizer) ในขณะที่สภาวะไฟฟ้าปกติ อุปกรณ์ไฟฟ้า (Load) จะได้รับพลังงานไฟฟ้าจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้า (Main) จากการไฟฟ้า โดยผ่านระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัตินี้ ซึ่งจะมีหน้าที่รักษาระดับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ ป้องกันปัญหาไฟตก, ไฟเกิน และไฟกระชาก เป็นต้น พร้อมกันนี้ เครื่องประจุกระแสไฟฟ้า (Charger) ก็จะทำการประจุกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เมื่อไฟฟ้าดับจะจ่ายพลังงานให้กับเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ทำการแปลงกระแสไฟฟ้า และจ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยใช้ตัวสับเปลี่ยน (Transfer Switch) สำหรับเลือกแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าระหว่างระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติหรือ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า UPS ชนิดนี้ถูกพัฒนามาจาก Offline UPS โดยเพิ่มระบบป้องกันแรงดันไฟฟ้าสูงหรือต่ำอัตโนมัติ (Stabilizer) เพื่อป้องกันปัญหาทางไฟฟ้า ช่วยให้ UPS ไม่จำเป็นต้องจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองจากแบตเตอรี่ทุกครั้งที่ไฟตกหรือไฟเกิน ไม่มากนักOnline Protection UPS หรือ Line Interactive UPS with Stabilizer จัดได้ว่าเป็น UPS ที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทยขณะนี้
ราคาไม่แพงและคุณภาพไฟฟ้าที่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
คุณสมบัติของ Online Protection UPS หรือ Line Interactive UPS with Stabilizer
    - ราคาไม่แตกต่างจาก Offline UPS หรือ Standby UPS
     - เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่มีความผันผวนของแรงดันไฟฟ้ามากๆ เช่น ประเทศไทย, พม่า, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ฯลฯ
     - ไม่เหมาะสำหรับนำไปใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความไวต่อคุณภาพของกระแสไฟฟ้ามากๆ เช่น เครื่องมือแพทย์และเครื่องจักรในโรงงาน ฯลฯ
     - มีระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (Stabilizer) เพื่อป้องกันปัญหาไฟเกินและไฟตก
     - สัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าบางอย่างที่ไม่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ายังสามารถผ่านเข้าไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าได้
     - อายุการใช้งานของแบตเตอรี่และ UPS ยาวนาน

True Online UP
ผังแสดงการทำงาน จะพบว่า True Online UPS เป็น UPS ที่มีศักยภาพสูงสุด กล่าวคือ เครื่องประจุกระแสไฟฟ้า (Charger) และเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) จะทำงานตลอดเวลา ไม่ว่าคุณภาพไฟฟ้าจะเป็นอย่างไร ก็สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า (Load) ได้ตามปกติ ยกเว้นกรณีเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าเสีย จึงจะจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้า (Main) จากการไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้า (แต่ไม่ควรใช้งานต่อไปหากเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าเสีย)True Online UPS เป็น UPS ที่มีศักยภาพสูงที่สุดในจำนวน UPS ที่มีใช้งานอยู่ สามารถป้องกันปัญหาทางไฟฟ้าได้ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็น ไฟดับ, ไฟตก, ไฟเกิน หรือสัญญาณรบกวนใดๆ และให้คุณภาพไฟฟ้าที่ดี ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ UPS ชนิดนี้มีราคาสูงกว่า UPS ชนิดอื่นๆ
คุณสมบัติของ True Online UPS
   - ราคาค่อนข้างสูง
     - มีศักยภาพสูงสุด สามารถป้องกันปัญหาทางไฟฟ้าได้ทุกกรณี
     - ไฟฟ้ากระแสสลับที่อุปกรณ์ไฟฟ้าจะได้รับจาก UPS ชนิดนี้ จะเป็นไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูง มีความเที่ยงตรงของระดับแรงดันไฟฟ้า
       และปราศจากสัญญาณรบกวนใดๆ
     - กรณีไฟฟ้าดับหรือขาดช่วง UPS จะนำพลังงานสำรองในแบตเตอรี่มาแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับเพื่อจ่ายให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าได้ในทันที


วิธีเลือก ups

สวัสดีครับในหัวข้อนี้ผมจะมาแนะนำถึงวิธีการเลือกซื้อ UPS หรืออุปกรณ์สำรองไฟไว้เพิ่อป้องกัน ปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้าที่จะทำอันตรายต่ออุปกรณ์ต่อเชื่อมของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดไฟดับ ไฟกระชาก ไฟตก การเกิดโอเวอร์โหลด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
Image
โดยหลักการในการซื้อนั้นมีดังนี้
      1. ชนิดของ UPS ในปัจจุบันนั้นมีอยู่ 3 ชนิดด้วยกันคือ
             - True online UPS ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ที้ใช้ในงานที่ไม่สามารถทำผิดพลาดได้เช่น เครื่องมือแพทย์ ระบบการเงินของธนาคาร เป็นต้น มีราคาที่แพงมาก
            -  Standby UPS ซึ่ง ตัวนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปตามบ้านเรือนหรือสำนักงานเนื่องจากว่ามี ราคาที่ค่อนข้างราคาถูก และมีความสามารถในการป้องกันไฟฟ้าได้ต่ำ
            -  Line Interactive UPS เป็น ชนิดที่เหมาะสำหรับการใช้งานตั้งแต่บุคคลทั่วไปถึงระดับองค์กรณ์ใหญ่ๆ ซึ่งได้มาตรฐานและมีราคาที่เหมาะสม ไม่แพงเกินไป ถือว่าชนิดนี้เป็นตัวที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด
     2. ขนาดของ UPS และความจำเป็นในการใช้งาน
โดย ก่อนที่เราจะซื้อไปนั้น เราต้องจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าเราจะนำไปใช้งานแบบไหน และต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์ที่เราจะนำไปใช้ด้วย

     3. ความสามารถในการสำรองไฟ  UPS แต่ละตัวก็จะมีความสามารถในการสำรองไฟฟ้าหรือค่า Backup Time ที่แตกต่างกัน ซึ่งค่านี้หมายความว่า ระยะเวลาที่ UPS (ยูพีเอส) ของคุณสามารถที่ส่งกระแสไฟฟ้าไปให้อุปกรณ์ต่อพ่วงได้ โดยนับหลังจากเกิดกระแสไฟฟ้าดับหรือเหตุขัดข้องเกี่ยวกับไฟฟ้าต่างๆไปจนถึง เวลาที่ UPS (ยูพีเอส) ไม่สามารถดึงพลังงานของแบตเตอรี่เพื่อส่งให้อุปกรณ์ต่อพ่วงต่อไปได้ โดยระยะเวลาดังกล่าวนั้นจะมีค่าที่แตกต่างกันออกไปตามความสามารถของ UPS
     4. จำนวนพอร์ตการเชื่อมต่อ UPS อันนี้สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคนได้เลยครับ
     5. การรับประกัน อันนี้สำคัญมา เนื่องจากถ้าเครื่องเรามีปัญหา เราสามารถนำส่งบริษัทที่รับประกันเพื่อแก้ไขได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย


1 เลือกชนิด ของ ups

1.1 true online
เป็นแบบที่ต้องการความเรียบของกระแสไฟเป็นพิเศษ เพราะ อุปกรณ์ computer จะรับกระแสไฟจาก bettery ของ ups จะไม่ได้รับ จาก power supply โดยตรง จึงทำให้กระแสไฟที่ออกมาจาก bettery นั้นค่อนข้างเสถียร แต่มีราคาค่อนข้างสูงเหมาะสำหรับอุปกรณ์ computer ที่มีราคาแพง เช่นเครื่องมือทางการแพทย์


1.2 offline protection
เป็นแบบที่เพียงต้องการป้องกันไฟฟ้าดับ หรือ ตกเท่านั้น และในช่วง การย้าย ในขณะที่ไฟฟ้าดับนั้น คลื่นไฟฟ้าจะหาย ไป 2 ms.

1.3 line interactive
จะคล้ายกับแบบ offline แต่จะเพิ่มวงจรปรับแรงดัน ขาเข้า คือจะสามารถรับไฟฟ้าที่มีแรงดันสูงกว่าปกติ แต่จะปรับให้แรงดันขาออกให้ราบเรียบได้ แต่ก็เช่นเดียวกัน ในขณะที่ไฟฟ้าดับ คลื่นไฟฟ้าจะหายไป 2 ms. ซึ่งชนิดนี้เหมาะสำหรับ server ขนาดเล็กๆ หรือ computer ทั่วๆไปค่ะ


2 เลือกขนาดกำลังไฟฟ้าของ ups
check ก่อนว่าอุปกรณ์ computer ของเรานั้นใช้กำลังไฟฟ้าเท่าไหร่ เช่น computer ตามบ้าน ใช้ 350 VA เราควรเลือก ups ที่มีกำลังมากกว่า 350 VA เป็นต้น


3 ถามตัวเองว่าต้องการพลังงานสำรองนานเท่าไร่ในขณะที่เกิดไฟฟ้าดับ
โดยทั่วไป ups จะสำรองได้ประมาณ 15-30 นาทีแต่ถ้าเราต้องการให้นานกว่านั้น อาจจะต้องใช้ ups ที่ใช้ bettery แบบ High Rate ซึ่งจะสำรองได้สูงสุดถึง 40 นาทีเลยทีเดียวค่ะ

4 ระยะทางระทางและสถานที่ในการติดตั้ง
ถ้ามีพื่นที่จะกัดก็ควรจะใช้ ups ที่ขนาดใหญ่ซึ่งจะสามารถรองรับ computer ได้หลายๆเครื่องเพื่อประหยัดพื้นที่ หรือถ้าอุปกรณ์ computer อยู่ห่างไกลกันมาก ก็ควรใข้ แบบ 1 ต่อ 1

5 มีระบบตรวจสอบ status ของ ups หรือไม่
เช่นเมื่อ ไฟฟ้าดับไปนานๆ เราอาจจะต้องการรู้ว่า ระยะเวลาที่เหลือของ bettery ได้นานเท่าไหร่ หรือ ไฟฟ้าดับไปช่วงไหนบ้าง

6 การรับประกันสินค้า
เรื่องนี้มีความสำคัญมาก แบบ on site หรือ on call ควรตรวจสอบให้ดี เพราะบางทีเราอาจจะต้องของความช่วยเหลือพิเศษ

วิธีการคำนวณค่า VA

โดยทั่วไปอุปรณ์คอมพิวเตอร์จะบอกมาเป็น 2 แบบ คือ


VA = Voltage (RMS) x Current (RMS)

SERVER แบบแรก เช่นบอกมาเป็น voltage กับ Amp คือ 240V 1.5A = 220x1.5= 360 VA
SCANER แบบสอง เช่น 100 Watt = 100x1.4 = 140 VA

ถ้าเราจะหาเครือ่งสำรองไฟทั้ง server และ scaner ต้องหา ups ที่มีกำลัง มากกว่า 360 + 140 = 500 VA

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น