การแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่มีคดีและต้องเดินทางไปยังศาลหลังฟังคำพิพากษาเพื่อคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษามาเป็นหลักฐาน นายพิสิษฐ นิ่งน้อย ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกา เปิดเผยว่า สำนักงานศาลยุติธรรมได้ออกระเบียบว่าด้วยการให้บริการคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาระหว่างศาลทั่วประเทศ พ.ศ.2559 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เมื่อฟังคำพิพากษาเสร็จ เพื่อคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาใช้เป็นหลักฐาน อาจใช้เวลาและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการเดินทางอย่างไม่จำเป็น โดยคู่ความ ผู้ที่มีสิทธิ์ทำแทน หรือทนายความสามารถขอคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาศาลที่อ่านแล้วให้คู่ความฟังได้ ทั้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกา โดยสามารถยื่นคำร้องในการขอถ่ายสำเนาคำพิพากษาได้ที่ศาลชั้นต้นทั่วประเทศ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน โดยหวังว่า ระเบียบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้สะดวก และง่ายขึ้นรวมทั้งเสียค่าใช้จ่ายน้อยลงด้วย
นอกจากนี้ สำนักงานศาลยุติธรรม ยังได้ทดลองนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดทำระบบการยื่นคำฟ้องและส่งคำคู่ความหรือคำสั่งศาล เอกสารอื่นๆ ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Filing ซึ่งประชาชนสามารถยื่นคำฟ้องและส่งคำคู่ความต่อศาล ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ต้องเดินทางมาศาล ซึ่งกระบวนการในระยะแรกได้ให้สิทธิ์แก่คู่ความที่มีหรือที่ได้แต่งตั้งทนายไว้แล้ว มายืนยันตัวตน ผ่านการลงทะเบียนขอใช้ระบบและรับรหัสที่ศาล รวมทั้งเตรียมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ให้ตรงตามมาตรฐานของศาลที่กำหนดไว้ โดยประเภทคดีในการยื่นฟ้อง e-Filing จะต้องเป็นคดีที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ทั้งนี้ระบบดังกล่าวที่จัดทำขึ้น ขณะนี้มีความสมบูรณ์และผ่านการทดสอบแล้ว ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ แต่หากจะนำระบบไปใช้ต้องมีการออกข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาและประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา จึงจะนำระบบมาทำงานได้ ซึ่งหากทุกอย่างเสร็จสิ้นจะนำไปนำร่องใช้ที่ศาลแพ่งธนบุรีและศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ภายในเดือน ก.พ.2560 หลังจากนั้นจะขยายผลไปใช้กับศาลยุติธรรมทั่วประเทศภายในเดือน เม.ย. 2560
9/10/2560
ศาลยุติธรรม ใช้ระบบe- Filing เริ่มให้บริการคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษา อำนวยความสะดวกให้ปชช.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น